- ข้อมูลเศรษฐกิจการเกษตร
- ภาวะเศรษฐกิจการเกษตร
- รายละเอียดภาวะเศรษฐกิจการเกษตร
ข้อมูลเศรษฐกิจการเกษตร
สถานการณ์การผลิตและการตลาดรายสัปดาห์ 11-17 มกราคม 2562
ข้าว
1. สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาในประเทศ
1.1 การตลาด
มาตรการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวปีการผลิต 2561/62
มติที่ประชุม คณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) ครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2561 เห็นชอบในหลักการมาตรการฯ ด้านการผลิตและการตลาด ทั้งหมด10 โครงการดังนี้
(1) ด้านการผลิต*ได้แก่
1) โครงการส่งเสริมระบบการเกษตรแบบนาแปลงใหญ่ (นาแปลงใหญ่)
2) โครงการส่งเสริมการผลิตข้าวอินทรีย์
3) โครงการพัฒนาเกษตรกรปราดเปรื่อง
4) โครงการส่งเสริมระบบการเกษตรแบบแม่นยำสูง (Precision Farming)
5) โครงการส่งเสริมการผลิตข้าวหอมมะลิคุณภาพชั้นเลิศ
6) โครงการส่งเสริมการผลิตและการตลาดข้าวพันธุ์ กข 43 เพื่อสุขภาพแบบครบวงจร
7) โครงการปรับเปลี่ยนระบบการผลิตข้าวในพื้นที่ลุ่มต่ำ 13 ทุ่ง
หมายเหตุ * ด้านการผลิต เป็นโครงการที่หน่วยงานดำเนินการตามปกติ จึงไม่นำเข้าที่ประชุม ครม.พิจารณามาตรการฯ
(2) ด้านการตลาด
- มติที่ประชุม คณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 24กรกฎาคม 2561 อนุมัติการดำเนินโครงการและวงเงินงบประมาณที่ใช้ช่วยเหลือเกษตรกรและรักษาเสถียรภาพราคาข้าว ปีการผลิต 2561/62 ด้านการตลาด จำนวน 3 โครงการ ได้แก่
1)โครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปีและการช่วยเหลือค่าเก็บเกี่ยวและปรับปรุงคุณภาพข้าว
2) โครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร
3) โครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต็อก
- มติที่ประชุม คณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 11กันยายน 2561 อนุมัติทบทวนมาตรการรักษาเสถียรภาพราคาข้าว ปีการผลิต 2561/62 โครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2561/61 ตามมติคณะกรรมการนบข. เมื่อวันที่ 3 กันยายน 2561 ที่กระทรวงพาณิชย์เสนอดังนี้
(1) กรณีเกษตรกรฝากเก็บข้าวไว้ที่สหกรณ์หรือสถาบันเกษตรกร ให้ปรับปรุงให้ค่าเก็บรักษาข้าวเปลือก
(2) เกษตรกรและสถาบันเกษตรกร ต้องเก็บรักษาข้าวเปลือกหลักประกันไว้ในยุ้งฉางหรือสถานที่เก็บของตนเองเท่านั้น
(3) ปรับปรุงวิธีการเก็บรักษาข้าวเปลือกของสถาบันเกษตรกร ต้องเก็บรักษาข้าวเปลือกโดยบรรจุข้าวเปลือกในกระสอบป่านหรือถุง Big bag และวางเรียงในยุ้งฉางหรือสถานที่เก็บเพื่อสะดวกในการตรวจสอบ หรือเก็บข้าวในยุ้งฉางที่ยกพื้นสูงหรือไซโล (SILO) ยกเว้นกรณีเทกองจะต้องมีระบบการระบายอากาศ เพื่อการรักษาคุณภาพข้าวเปลือกไม่ให้เสื่อมสภาพตลอดระยะเวลาโครงการ
1.2 ราคา
1) ราคาที่เกษตรกรขายได้ทั้งประเทศ
ข้าวเปลือกเจ้านาปีหอมมะลิสัปดาห์นี้ เฉลี่ยตันละ 14,971 บาท ราคาลดลงจากตันละ 15,300 บาท ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 2.15
ข้าวเปลือกเจ้าความชื้น 15% สัปดาห์นี้ เฉลี่ยตันละ 7,728 บาท ราคาลดลงจากตันละ 7,931 บาท ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 2.56
2) ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ข้าวหอมมะลิ 100% ชั้น 1 (ใหม่) สัปดาห์นี้ เฉลี่ยตันละ 34,050 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ข้าวขาว 5% (ใหม่) สัปดาห์นี้ เฉลี่ยตันละ 11,650 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
3) ราคาส่งออกเอฟโอบี
ข้าวหอมมะลิไทย 100% (ใหม่) สัปดาห์นี้ เฉลี่ยตันละ 1,153 ดอลลาร์สหรัฐฯ (36,414 บาท/ตัน) ราคาสูงขึ้นจากตันละ 1,146 ดอลลาร์สหรัฐฯ (36,372 บาท/ตัน) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.61 และสูงขึ้นในรูปเงินบาทตันละ 42 บาท
ข้าวขาว 5% สัปดาห์นี้ เฉลี่ยตันละ 409 ดอลลาร์สหรัฐฯ (12,917 บาท/ตัน) ราคาลดลงจากตันละ 410 ดอลลาร์สหรัฐฯ (13,013 บาท/ตัน) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.24 และลดลงในรูปเงินบาทตันละ 96 บาท
ข้าวขาว 25% สัปดาห์นี้ เฉลี่ยตันละ 401 ดอลลาร์สหรัฐฯ (12,664 บาท/ตัน) ราคาลดลงจากตันละ 402 ดอลลาร์สหรัฐฯ (12,759 บาท/ตัน) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.24 และลดลงในรูปเงินบาทตันละ 95 บาท
ข้าวนึ่ง 5% สัปดาห์นี้ เฉลี่ยตันละ 412 ดอลลาร์สหรัฐฯ (13,012 บาท/ตัน) ราคาสูงขึ้นจากตันละ 410 ดอลลาร์สหรัฐฯ (13,013 บาท/ตัน) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.48 แต่ลดลงในรูปเงินบาทตันละ 1 บาท
หมายเหตุ : อัตราแลกเปลี่ยน 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ เท่ากับ 31.5820
2. สถานการณ์ข้าวของประเทศผู้ผลิตและผู้บริโภคที่สำคัญ
กัมพูชา
ภาวะราคาข้าวเปลือกฤดูการผลิต 2561/62 ปรับเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 25 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี
ที่ผ่านมา เนื่องจากมีการเก็บข้าวเปลือกฤดูใหม่ที่ออกสู่ตลาดไว้ได้มากขึ้นหลังจากที่คลังเก็บสินค้าข้าวเริ่มเปิดดำเนินการมากขึ้น ส่งผลให้อุปทานข้าวในตลาดมีปริมาณลดลง โดยปัจจุบัน ราคาข้าวเปลือกอยู่ที่ประมาณ 900-1,300 เรียลต่อกิโลกรัม หรือประมาณ 220-320 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน ขึ้นอยู่กับว่าเป็นข้าวชนิดใดและมีคุณภาพอย่างไร ขณะที่วงการค้าคาดว่าราคาข้าวเปลือกในฤดูถัดไปจะยังคงมีแนวโน้มสูงขึ้น จากการที่กัมพูชามีความสามารถในการเก็บข้าวไว้ในคลังได้มากขึ้น
มีรายงานว่า การส่งออกข้าวจากกัมพูชาไปยังประเทศปลายทางในสหภาพยุโรป เริ่มชะลอตัวจากความกังวลเกี่ยวกับกรณีที่สหภาพยุโรปจะประกาศใช้มาตรการภาษีนำเข้าข้าวจากกัมพูชา และเมียนมาร์ ในช่วงกลางเดือนนี้
โดยขณะนี้ผู้นำเข้าข้าวในสหภาพยุโรป กำลังรอฟังการพิจารณาอย่างเป็นทางการจากคณะกรรมาธิการสหภาพยุโรปว่า
จะประกาศมาตรการดังกล่าวออกมาอย่างไรบ้าง ทางด้านผู้ส่งออกข้าวกัมพูชามีความกังวลเกี่ยวกับการที่ผู้ซื้ออาจจะยกเลิกคำสั่งซื้อหากสหภาพยุโรปประกาศใช้มาตรการทางภาษีสำหรับข้าวที่นำเข้าจากกัมพูชา
ขณะที่แหล่งข่าวรายงานว่า คณะกรรมาธิการสหภาพยุโรป (the European Commission: EC) กำลังดำเนินการพิจารณาใช้มาตรการป้องกันผลกระทบที่เกิดขึ้นกับภาคอุตสาหกรรมข้าวในสหภาพยุโรป ที่เกิดจากการส่งออกข้าวจากกัมพูชา และเมียนมาร์ เข้าไปยังสหภาพยุโรปเพิ่มมากขึ้น โดยคาดว่าจะมีการประกาศใช้มาตรการทางภาษีในช่วงกลางเดือนมกราคมเป็นต้นไป โดยจะมีการเก็บภาษีนำเข้าในปีแรกที่ 175 ยูโรต่อตัน ซึ่งมีผลตั้งแต่วันที่ 15 มกราคมนี้ และในปีถัดไป อัตราภาษีจะลดลงเหลือ 150 ยูโรต่อตัน และลดลงเหลือ 125 ยูโรต่อตัน ในปีต่อมา
ทั้งนี้ มีการคาดการณ์ว่าสหภาพยุโรปจะใช้มาตรการภาษีนำเข้ากับข้าวเมล็ดยาวสายพันธุ์อินดิกาจากกัมพูชา
และเมียนมาร์ที่มีพิกัดสินค้า 1006 30 27, 1006 30 48, 1006 30 67 และ 1006 30 98 ซึ่งเป็นชนิดข้าวที่กัมพูชา
ส่งไปยังสหภาพยุโรป ขณะที่ข้าวหัก คาดว่าจะไม่ได้รับผลกระทบจากมาตรการภาษี ซึ่งในช่วงที่ผ่านมา ชนิดข้าวที่
เมียนมาร์ส่งไปยังสหภาพยุโรปจะเป็นข้าวหัก คิดเป็นร้อยละ 70-80 ของการส่งออกข้าวไปยังสหภาพยุโรป ขณะที่กัมพูชาไม่ส่งออกข้าวหัก เพราะไม่สามารถแข่งขันด้านราคาได้ โดยข้าวหักของกัมพูชาส่วนใหญ่จะถูกจำหน่ายในตลาดภายในประเทศ เพราะจะได้ราคาที่สูงกว่า
สำนักงานบริการด้านการส่งออกข้าวของกัมพูชา (Secretariat of One Window Service for Rice Export Formality; SOWS-REF) รายงานว่า การส่งออกข้าวในปี 2561 มีจำนวน 626,225 ตัน ลดลงร้อยละ 1.48 เมื่อเทียบกับจำนวน 635,679 ตัน ในปี 2560 โดยในเดือนธันวาคม 2561 กัมพูชาส่งออกข้าวจำนวน 128,985 ตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 75.63 เมื่อเทียบกับจำนวน 73,442 ตัน ในช่วงเดียวกันของปี 2560 แล้ว และเพิ่มขึ้นร้อยละ 106.59 เมื่อเทียบกับ
จำนวน 62,433 ตัน ในเดือนพฤศจิกายน 2561
ทั้งนี้ ในปี 2561 กัมพูชาส่งออกข้าวหอมทุกชนิด (Fragrant Rice) จำนวนรวม 493,597 ตัน (คิดเป็นร้อยละ 79 ของการส่งออกข้าวทั้งหมด) เพิ่มขึ้นร้อยละ 25.27 เมื่อเทียบกับปี 2560 ที่ส่งออกจำนวน 394,027 ตัน ส่วนการส่งออกข้าวขาว (White Rice) มีจำนวน 105,990 ตัน (คิดเป็นร้อยละ 17 ของการส่งออกข้าวทั้งหมด) ลดลงร้อยละ 32.34 เมื่อเทียบกับปี 2560 ที่ส่งออกจำนวน 156,654 ตัน และข้าวนึ่ง (Parboiled Rice) จำนวน 26,638 ตัน (คิดเป็นร้อยละ 4 ของการส่งออกข้าวทั้งหมด) ลดลงร้อยละ 68.66 เมื่อเทียบกับปี 2560 ที่ส่งออกจำนวน 84,998 ตัน
สำหรับตลาดส่งออกที่สำคัญ ในปี 2561 ประกอบด้วย ตลาดสหภาพยุโรปจำนวน 269,127 ตัน (คิดเป็นร้อยละ 43 ของการส่งออกข้าวทั้งหมด) ลดลงร้อยละ 2.77 เมื่อเทียบกับปี 2560 ที่ส่งออกจำนวน 276,805 ตัน ตามด้วยตลาดอาเซียนจำนวน 102,946 ตัน (คิดเป็นร้อยละ 16 ของการส่งออกข้าวทั้งหมด) เพิ่มขึ้นร้อยละ 100.58 เมื่อเทียบกับ
ปี 2560 ที่ส่งออกจำนวน 51,325 ตัน ตลาดจีนจำนวน 170,154 ตัน (คิดเป็นร้อยละ 27 ของการส่งออกข้าวทั้งหมด) ลดลงร้อยละ 14.86 เมื่อเทียบกับปี 2560 ที่ส่งออกจำนวน 199,857 ตัน และตลาดอื่นๆ จำนวน 83,998 ตัน (คิดเป็นร้อยละ 13 ของการส่งออกข้าวทั้งหมด) ลดลงร้อยละ 22.00 เมื่อเทียบกับปี 2560 ที่ส่งออกจำนวน 107,692 ตัน
ทั้งนี้ การส่งออกรายประเทศนั้น กัมพูชาส่งออกข้าวไปยังประเทศจีนมากเป็นอันดับ 1 จำนวนประมาณ 170,154 ตัน ลดลงประมาณร้อยละ 14.90 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2560 ที่ส่งออกจำนวน 199,857 ตัน ตามด้วยประเทศฝรั่งเศส 86,050 ตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 11.20 เมื่อเทียบกับปี 2560 ที่ส่งออกจำนวน 77,363 ตัน มาเลเซีย 40,861 ตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.5 เมื่อเทียบกับปี 2560 ที่ส่งออกจำนวน 38,360 ตัน โปแลนด์ 23,142 ตัน ลดลงร้อยละ 47.4 เมื่อเทียบกับปี 2560 ที่ส่งออกจำนวน 44,023 ตัน เนเธอร์แลนด์ 26,714 ตัน ลดลงร้อยละ 1.7 เมื่อเทียบกับ
ปี 2560 ที่ส่งออกจำนวน 27,175 ตัน สหราชอาณาจักร 18,178 ตัน ลดลงร้อยละ 32.1 เมื่อเทียบกับปี 2560 ที่ส่งออกจำนวน 26,775 ตัน กาบอง 33,060 ตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 34.0 เมื่อเทียบกับปี 2560 ที่ส่งออกจำนวน 24,677 ตัน ส่วนประเทศอื่นๆ ที่กัมพูชาส่งออกในปี 2561 เช่น เวียดนาม 26,712 ตัน ไทย 23,816 ตัน เป็นต้น
ในปี 2560 กัมพูชาส่งออกข้าวปริมาณรวม 635,679 ตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 17.2 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2559 ที่ส่งออกจำนวน 542,144 ตัน ซึ่งถือเป็นสถิติส่งออกข้าวสูงสุดของกัมพูชา โดยส่งไปยังประเทศจีนมากเป็นอันดับหนึ่งที่ปริมาณ 199,857 ตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 56.8 เมื่อเทียบกับปี 2559 ที่ส่งออกจำนวน 127,460 ตัน อันดับที่ 2 คือฝรั่งเศส ปริมาณ 77,363 ตัน ลดลงร้อยละ 1.2 เมื่อเทียบกับปี 2559 ที่ส่งออกจำนวน 78,329 ตัน อันดับที่ 3 คือโปแลนด์ ปริมาณ 44,023 ตัน ลดลงร้อยละ 31.2 เมื่อเทียบกับปี 2559 ที่ส่งออกจำนวน 64,035 ตัน อันดับที่ 4 คือมาเลเซีย ปริมาณ 38,360 ตัน ลดลงร้อยละ 1.3 เมื่อเทียบกับปี 2559 ที่ส่งออกจำนวน 38,877 ตัน อันดับที่ 5 คือเนเธอร์แลนด์ ปริมาณ 27,175 ตัน ลดลงร้อยละ 5.3 เมื่อเทียบกับปี 2559 ที่ส่งออกจำนวน 28,690 ตัน อันดับที่ 6 คือ สหราชอาณาจักร ปริมาณ 26,775 ตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 51.5 เมื่อเทียบกับปี 2559 ที่ส่งออกจำนวน 17,673 ตัน
ที่มา : สมาคมผู้ผลิตข้าวไทย
อินโดนีเซีย
ผู้บริหารหน่วยงาน Bulog (Indonesia state food procurement agency) ระบุว่า ในปี 2562 นี้ อินโดนีเซียยังไม่มีความจำเป็นที่จะนำเข้าข้าว เนื่องจากในขณะนี้ Bulog มีสต็อกข้าว (ณ สิ้นปี 2561) ประมาณ 2.1 ล้านตัน
ซึ่งเมื่อปีที่แล้วมีการจัดหาข้าวจากเกษตรกรในประเทศประมาณ 3.2 ล้านตัน และนำเข้าข้าวจากต่างประเทศประมาณ 1.84 ล้านตัน โดยการจัดหาข้าวของ Bulog จะเลือกวิธีการจัดหาข้าวจากเกษตรกรในประเทศก่อนที่จะใช้วิธีนำเข้าข้าวจากต่างประเทศ ทั้งนี้ ในปี 2561 ที่ผ่านมา อินโดนีเซียมีผลผลิตข้าวเปลือกประมาณ 56.54 ล้านตัน
ที่มา : สมาคมผู้ผลิตข้าวไทย
กราฟราคาที่เกษตรกรขายได้ข้าวเปลือกเจ้าความชื้น 15% และราคาขายส่งตลาด กทม. ข้าวสารเจ้า 5%
1.1 การตลาด
มาตรการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวปีการผลิต 2561/62
มติที่ประชุม คณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) ครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2561 เห็นชอบในหลักการมาตรการฯ ด้านการผลิตและการตลาด ทั้งหมด10 โครงการดังนี้
(1) ด้านการผลิต*ได้แก่
1) โครงการส่งเสริมระบบการเกษตรแบบนาแปลงใหญ่ (นาแปลงใหญ่)
2) โครงการส่งเสริมการผลิตข้าวอินทรีย์
3) โครงการพัฒนาเกษตรกรปราดเปรื่อง
4) โครงการส่งเสริมระบบการเกษตรแบบแม่นยำสูง (Precision Farming)
5) โครงการส่งเสริมการผลิตข้าวหอมมะลิคุณภาพชั้นเลิศ
6) โครงการส่งเสริมการผลิตและการตลาดข้าวพันธุ์ กข 43 เพื่อสุขภาพแบบครบวงจร
7) โครงการปรับเปลี่ยนระบบการผลิตข้าวในพื้นที่ลุ่มต่ำ 13 ทุ่ง
หมายเหตุ * ด้านการผลิต เป็นโครงการที่หน่วยงานดำเนินการตามปกติ จึงไม่นำเข้าที่ประชุม ครม.พิจารณามาตรการฯ
(2) ด้านการตลาด
- มติที่ประชุม คณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 24กรกฎาคม 2561 อนุมัติการดำเนินโครงการและวงเงินงบประมาณที่ใช้ช่วยเหลือเกษตรกรและรักษาเสถียรภาพราคาข้าว ปีการผลิต 2561/62 ด้านการตลาด จำนวน 3 โครงการ ได้แก่
1)โครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปีและการช่วยเหลือค่าเก็บเกี่ยวและปรับปรุงคุณภาพข้าว
2) โครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร
3) โครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต็อก
- มติที่ประชุม คณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 11กันยายน 2561 อนุมัติทบทวนมาตรการรักษาเสถียรภาพราคาข้าว ปีการผลิต 2561/62 โครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2561/61 ตามมติคณะกรรมการนบข. เมื่อวันที่ 3 กันยายน 2561 ที่กระทรวงพาณิชย์เสนอดังนี้
(1) กรณีเกษตรกรฝากเก็บข้าวไว้ที่สหกรณ์หรือสถาบันเกษตรกร ให้ปรับปรุงให้ค่าเก็บรักษาข้าวเปลือก
(2) เกษตรกรและสถาบันเกษตรกร ต้องเก็บรักษาข้าวเปลือกหลักประกันไว้ในยุ้งฉางหรือสถานที่เก็บของตนเองเท่านั้น
(3) ปรับปรุงวิธีการเก็บรักษาข้าวเปลือกของสถาบันเกษตรกร ต้องเก็บรักษาข้าวเปลือกโดยบรรจุข้าวเปลือกในกระสอบป่านหรือถุง Big bag และวางเรียงในยุ้งฉางหรือสถานที่เก็บเพื่อสะดวกในการตรวจสอบ หรือเก็บข้าวในยุ้งฉางที่ยกพื้นสูงหรือไซโล (SILO) ยกเว้นกรณีเทกองจะต้องมีระบบการระบายอากาศ เพื่อการรักษาคุณภาพข้าวเปลือกไม่ให้เสื่อมสภาพตลอดระยะเวลาโครงการ
1.2 ราคา
1) ราคาที่เกษตรกรขายได้ทั้งประเทศ
ข้าวเปลือกเจ้านาปีหอมมะลิสัปดาห์นี้ เฉลี่ยตันละ 14,971 บาท ราคาลดลงจากตันละ 15,300 บาท ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 2.15
ข้าวเปลือกเจ้าความชื้น 15% สัปดาห์นี้ เฉลี่ยตันละ 7,728 บาท ราคาลดลงจากตันละ 7,931 บาท ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 2.56
2) ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ข้าวหอมมะลิ 100% ชั้น 1 (ใหม่) สัปดาห์นี้ เฉลี่ยตันละ 34,050 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ข้าวขาว 5% (ใหม่) สัปดาห์นี้ เฉลี่ยตันละ 11,650 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
3) ราคาส่งออกเอฟโอบี
ข้าวหอมมะลิไทย 100% (ใหม่) สัปดาห์นี้ เฉลี่ยตันละ 1,153 ดอลลาร์สหรัฐฯ (36,414 บาท/ตัน) ราคาสูงขึ้นจากตันละ 1,146 ดอลลาร์สหรัฐฯ (36,372 บาท/ตัน) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.61 และสูงขึ้นในรูปเงินบาทตันละ 42 บาท
ข้าวขาว 5% สัปดาห์นี้ เฉลี่ยตันละ 409 ดอลลาร์สหรัฐฯ (12,917 บาท/ตัน) ราคาลดลงจากตันละ 410 ดอลลาร์สหรัฐฯ (13,013 บาท/ตัน) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.24 และลดลงในรูปเงินบาทตันละ 96 บาท
ข้าวขาว 25% สัปดาห์นี้ เฉลี่ยตันละ 401 ดอลลาร์สหรัฐฯ (12,664 บาท/ตัน) ราคาลดลงจากตันละ 402 ดอลลาร์สหรัฐฯ (12,759 บาท/ตัน) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.24 และลดลงในรูปเงินบาทตันละ 95 บาท
ข้าวนึ่ง 5% สัปดาห์นี้ เฉลี่ยตันละ 412 ดอลลาร์สหรัฐฯ (13,012 บาท/ตัน) ราคาสูงขึ้นจากตันละ 410 ดอลลาร์สหรัฐฯ (13,013 บาท/ตัน) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.48 แต่ลดลงในรูปเงินบาทตันละ 1 บาท
หมายเหตุ : อัตราแลกเปลี่ยน 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ เท่ากับ 31.5820
2. สถานการณ์ข้าวของประเทศผู้ผลิตและผู้บริโภคที่สำคัญ
กัมพูชา
ภาวะราคาข้าวเปลือกฤดูการผลิต 2561/62 ปรับเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 25 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี
ที่ผ่านมา เนื่องจากมีการเก็บข้าวเปลือกฤดูใหม่ที่ออกสู่ตลาดไว้ได้มากขึ้นหลังจากที่คลังเก็บสินค้าข้าวเริ่มเปิดดำเนินการมากขึ้น ส่งผลให้อุปทานข้าวในตลาดมีปริมาณลดลง โดยปัจจุบัน ราคาข้าวเปลือกอยู่ที่ประมาณ 900-1,300 เรียลต่อกิโลกรัม หรือประมาณ 220-320 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน ขึ้นอยู่กับว่าเป็นข้าวชนิดใดและมีคุณภาพอย่างไร ขณะที่วงการค้าคาดว่าราคาข้าวเปลือกในฤดูถัดไปจะยังคงมีแนวโน้มสูงขึ้น จากการที่กัมพูชามีความสามารถในการเก็บข้าวไว้ในคลังได้มากขึ้น
มีรายงานว่า การส่งออกข้าวจากกัมพูชาไปยังประเทศปลายทางในสหภาพยุโรป เริ่มชะลอตัวจากความกังวลเกี่ยวกับกรณีที่สหภาพยุโรปจะประกาศใช้มาตรการภาษีนำเข้าข้าวจากกัมพูชา และเมียนมาร์ ในช่วงกลางเดือนนี้
โดยขณะนี้ผู้นำเข้าข้าวในสหภาพยุโรป กำลังรอฟังการพิจารณาอย่างเป็นทางการจากคณะกรรมาธิการสหภาพยุโรปว่า
จะประกาศมาตรการดังกล่าวออกมาอย่างไรบ้าง ทางด้านผู้ส่งออกข้าวกัมพูชามีความกังวลเกี่ยวกับการที่ผู้ซื้ออาจจะยกเลิกคำสั่งซื้อหากสหภาพยุโรปประกาศใช้มาตรการทางภาษีสำหรับข้าวที่นำเข้าจากกัมพูชา
ขณะที่แหล่งข่าวรายงานว่า คณะกรรมาธิการสหภาพยุโรป (the European Commission: EC) กำลังดำเนินการพิจารณาใช้มาตรการป้องกันผลกระทบที่เกิดขึ้นกับภาคอุตสาหกรรมข้าวในสหภาพยุโรป ที่เกิดจากการส่งออกข้าวจากกัมพูชา และเมียนมาร์ เข้าไปยังสหภาพยุโรปเพิ่มมากขึ้น โดยคาดว่าจะมีการประกาศใช้มาตรการทางภาษีในช่วงกลางเดือนมกราคมเป็นต้นไป โดยจะมีการเก็บภาษีนำเข้าในปีแรกที่ 175 ยูโรต่อตัน ซึ่งมีผลตั้งแต่วันที่ 15 มกราคมนี้ และในปีถัดไป อัตราภาษีจะลดลงเหลือ 150 ยูโรต่อตัน และลดลงเหลือ 125 ยูโรต่อตัน ในปีต่อมา
ทั้งนี้ มีการคาดการณ์ว่าสหภาพยุโรปจะใช้มาตรการภาษีนำเข้ากับข้าวเมล็ดยาวสายพันธุ์อินดิกาจากกัมพูชา
และเมียนมาร์ที่มีพิกัดสินค้า 1006 30 27, 1006 30 48, 1006 30 67 และ 1006 30 98 ซึ่งเป็นชนิดข้าวที่กัมพูชา
ส่งไปยังสหภาพยุโรป ขณะที่ข้าวหัก คาดว่าจะไม่ได้รับผลกระทบจากมาตรการภาษี ซึ่งในช่วงที่ผ่านมา ชนิดข้าวที่
เมียนมาร์ส่งไปยังสหภาพยุโรปจะเป็นข้าวหัก คิดเป็นร้อยละ 70-80 ของการส่งออกข้าวไปยังสหภาพยุโรป ขณะที่กัมพูชาไม่ส่งออกข้าวหัก เพราะไม่สามารถแข่งขันด้านราคาได้ โดยข้าวหักของกัมพูชาส่วนใหญ่จะถูกจำหน่ายในตลาดภายในประเทศ เพราะจะได้ราคาที่สูงกว่า
สำนักงานบริการด้านการส่งออกข้าวของกัมพูชา (Secretariat of One Window Service for Rice Export Formality; SOWS-REF) รายงานว่า การส่งออกข้าวในปี 2561 มีจำนวน 626,225 ตัน ลดลงร้อยละ 1.48 เมื่อเทียบกับจำนวน 635,679 ตัน ในปี 2560 โดยในเดือนธันวาคม 2561 กัมพูชาส่งออกข้าวจำนวน 128,985 ตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 75.63 เมื่อเทียบกับจำนวน 73,442 ตัน ในช่วงเดียวกันของปี 2560 แล้ว และเพิ่มขึ้นร้อยละ 106.59 เมื่อเทียบกับ
จำนวน 62,433 ตัน ในเดือนพฤศจิกายน 2561
ทั้งนี้ ในปี 2561 กัมพูชาส่งออกข้าวหอมทุกชนิด (Fragrant Rice) จำนวนรวม 493,597 ตัน (คิดเป็นร้อยละ 79 ของการส่งออกข้าวทั้งหมด) เพิ่มขึ้นร้อยละ 25.27 เมื่อเทียบกับปี 2560 ที่ส่งออกจำนวน 394,027 ตัน ส่วนการส่งออกข้าวขาว (White Rice) มีจำนวน 105,990 ตัน (คิดเป็นร้อยละ 17 ของการส่งออกข้าวทั้งหมด) ลดลงร้อยละ 32.34 เมื่อเทียบกับปี 2560 ที่ส่งออกจำนวน 156,654 ตัน และข้าวนึ่ง (Parboiled Rice) จำนวน 26,638 ตัน (คิดเป็นร้อยละ 4 ของการส่งออกข้าวทั้งหมด) ลดลงร้อยละ 68.66 เมื่อเทียบกับปี 2560 ที่ส่งออกจำนวน 84,998 ตัน
สำหรับตลาดส่งออกที่สำคัญ ในปี 2561 ประกอบด้วย ตลาดสหภาพยุโรปจำนวน 269,127 ตัน (คิดเป็นร้อยละ 43 ของการส่งออกข้าวทั้งหมด) ลดลงร้อยละ 2.77 เมื่อเทียบกับปี 2560 ที่ส่งออกจำนวน 276,805 ตัน ตามด้วยตลาดอาเซียนจำนวน 102,946 ตัน (คิดเป็นร้อยละ 16 ของการส่งออกข้าวทั้งหมด) เพิ่มขึ้นร้อยละ 100.58 เมื่อเทียบกับ
ปี 2560 ที่ส่งออกจำนวน 51,325 ตัน ตลาดจีนจำนวน 170,154 ตัน (คิดเป็นร้อยละ 27 ของการส่งออกข้าวทั้งหมด) ลดลงร้อยละ 14.86 เมื่อเทียบกับปี 2560 ที่ส่งออกจำนวน 199,857 ตัน และตลาดอื่นๆ จำนวน 83,998 ตัน (คิดเป็นร้อยละ 13 ของการส่งออกข้าวทั้งหมด) ลดลงร้อยละ 22.00 เมื่อเทียบกับปี 2560 ที่ส่งออกจำนวน 107,692 ตัน
ทั้งนี้ การส่งออกรายประเทศนั้น กัมพูชาส่งออกข้าวไปยังประเทศจีนมากเป็นอันดับ 1 จำนวนประมาณ 170,154 ตัน ลดลงประมาณร้อยละ 14.90 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2560 ที่ส่งออกจำนวน 199,857 ตัน ตามด้วยประเทศฝรั่งเศส 86,050 ตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 11.20 เมื่อเทียบกับปี 2560 ที่ส่งออกจำนวน 77,363 ตัน มาเลเซีย 40,861 ตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.5 เมื่อเทียบกับปี 2560 ที่ส่งออกจำนวน 38,360 ตัน โปแลนด์ 23,142 ตัน ลดลงร้อยละ 47.4 เมื่อเทียบกับปี 2560 ที่ส่งออกจำนวน 44,023 ตัน เนเธอร์แลนด์ 26,714 ตัน ลดลงร้อยละ 1.7 เมื่อเทียบกับ
ปี 2560 ที่ส่งออกจำนวน 27,175 ตัน สหราชอาณาจักร 18,178 ตัน ลดลงร้อยละ 32.1 เมื่อเทียบกับปี 2560 ที่ส่งออกจำนวน 26,775 ตัน กาบอง 33,060 ตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 34.0 เมื่อเทียบกับปี 2560 ที่ส่งออกจำนวน 24,677 ตัน ส่วนประเทศอื่นๆ ที่กัมพูชาส่งออกในปี 2561 เช่น เวียดนาม 26,712 ตัน ไทย 23,816 ตัน เป็นต้น
ในปี 2560 กัมพูชาส่งออกข้าวปริมาณรวม 635,679 ตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 17.2 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2559 ที่ส่งออกจำนวน 542,144 ตัน ซึ่งถือเป็นสถิติส่งออกข้าวสูงสุดของกัมพูชา โดยส่งไปยังประเทศจีนมากเป็นอันดับหนึ่งที่ปริมาณ 199,857 ตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 56.8 เมื่อเทียบกับปี 2559 ที่ส่งออกจำนวน 127,460 ตัน อันดับที่ 2 คือฝรั่งเศส ปริมาณ 77,363 ตัน ลดลงร้อยละ 1.2 เมื่อเทียบกับปี 2559 ที่ส่งออกจำนวน 78,329 ตัน อันดับที่ 3 คือโปแลนด์ ปริมาณ 44,023 ตัน ลดลงร้อยละ 31.2 เมื่อเทียบกับปี 2559 ที่ส่งออกจำนวน 64,035 ตัน อันดับที่ 4 คือมาเลเซีย ปริมาณ 38,360 ตัน ลดลงร้อยละ 1.3 เมื่อเทียบกับปี 2559 ที่ส่งออกจำนวน 38,877 ตัน อันดับที่ 5 คือเนเธอร์แลนด์ ปริมาณ 27,175 ตัน ลดลงร้อยละ 5.3 เมื่อเทียบกับปี 2559 ที่ส่งออกจำนวน 28,690 ตัน อันดับที่ 6 คือ สหราชอาณาจักร ปริมาณ 26,775 ตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 51.5 เมื่อเทียบกับปี 2559 ที่ส่งออกจำนวน 17,673 ตัน
ที่มา : สมาคมผู้ผลิตข้าวไทย
อินโดนีเซีย
ผู้บริหารหน่วยงาน Bulog (Indonesia state food procurement agency) ระบุว่า ในปี 2562 นี้ อินโดนีเซียยังไม่มีความจำเป็นที่จะนำเข้าข้าว เนื่องจากในขณะนี้ Bulog มีสต็อกข้าว (ณ สิ้นปี 2561) ประมาณ 2.1 ล้านตัน
ซึ่งเมื่อปีที่แล้วมีการจัดหาข้าวจากเกษตรกรในประเทศประมาณ 3.2 ล้านตัน และนำเข้าข้าวจากต่างประเทศประมาณ 1.84 ล้านตัน โดยการจัดหาข้าวของ Bulog จะเลือกวิธีการจัดหาข้าวจากเกษตรกรในประเทศก่อนที่จะใช้วิธีนำเข้าข้าวจากต่างประเทศ ทั้งนี้ ในปี 2561 ที่ผ่านมา อินโดนีเซียมีผลผลิตข้าวเปลือกประมาณ 56.54 ล้านตัน
ที่มา : สมาคมผู้ผลิตข้าวไทย
กราฟราคาที่เกษตรกรขายได้ข้าวเปลือกเจ้าความชื้น 15% และราคาขายส่งตลาด กทม. ข้าวสารเจ้า 5%
ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์
1. สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาในประเทศ
ราคาข้าวโพดภายในประเทศในช่วงสัปดาห์นี้ มีดังนี้
ราคาข้าวโพดที่เกษตรกรขายได้ความชื้นไม่เกิน 14.5 % สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 8.99 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน และราคาข้าวโพดที่เกษตรกรขายได้ความชื้นเกิน 14.5 % สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 6.93 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 6.94 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.14
ราคาข้าวโพดขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ ที่โรงงานอาหารสัตว์รับซื้อสัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ9.88 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 10.16 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 2.76 ส่วนราคาขายส่งไซโลรับซื้อสัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 9.30 บาท สำหรับสัปดาห์ที่ผ่านมาไม่มีรายงานราคา
ราคาส่งออก เอฟ.โอ.บี. สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 324.40 ดอลลาร์สหรัฐ (10,245 บาท/ตัน) ลดลงจากตันละ 327.00 ดอลลาร์สหรัฐ (10,378 บาท/ตัน) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.80 และลดลงในรูปของเงินบาทตันละ 133 บาท
ราคาซื้อขายล่วงหน้าในตลาดชิคาโกเดือนมีนาคม 2562 ข้าวโพดเมล็ดเหลืองอเมริกันชั้น 2 สัปดาห์นี้เฉลี่ยบุชเชลละ 376.36 เซนต์ (4,742 บาท/ตัน) ลดลงจากบุชเชลละ 380.68 เซนต์ (4,820 บาท/ตัน) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.13 และลดลงในรูปของเงินบาทตันละ 78 บาท
มันสำปะหลัง
สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
การผลิต
ผลผลิตมันสำปะหลัง ปี 2562 (เริ่มออกสู่ตลาดตั้งแต่เดือนตุลาคม 2561 – กันยายน 2562) คาดว่ามีพื้นที่เก็บเกี่ยว 8.40 ล้านไร่ ผลผลิต 29.97 ล้านตัน ผลผลลิตต่อไร่ 3.57 ตัน เมื่อเทียบกับปี 2561 ที่มีพื้นที่เก็บเกี่ยว 8.03 ล้านไร่ ผลผลิต 27.88 ล้านตัน และผลผลิตต่อไร่ 3.47 ตัน พบว่า พื้นที่เก็บเกี่ยว ผลผลิต และผลผลิตต่อไร่ สูงขึ้นร้อยละ 4.61 ร้อยละ 7.50 และร้อยละ 2.88 ตามลำดับ โดยเดือนมกราคม 2562 คาดว่าจะมีผลผลิตออกสู่ตลาด 4.76 ล้านตัน (ร้อยละ 15.89 ของผลผลิตทั้งหมด)
ทั้งนี้ผลผลิตมันสำปะหลังปี 2562 จะออกสู่ตลาดมากในช่วงเดือนมกราคม – มีนาคม 2562 ปริมาณ 20.08 ล้านตัน (ร้อยละ 67 ของผลผลิตทั้งหมด)
การตลาด
หัวมันสำปะหลังออกสู่ตลาดเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ราคามันสำปะหลังปรับตัวลดลง แต่ยังอยู่ในเกณฑ์สูง ทำให้ลานมันเส้นเปิดดำเนินการไม่มาก เนื่องจากเมื่อผลิตเป็นมันเส้นแล้วไม่คุ้มกับการลงทุน ส่งผลให้หัวมันสำปะหลังส่วนใหญ่ไหลเข้าสู่โรงงานแป้งมันสำปะหลัง
ราคาที่เกษตรกรขายได้ทั้งประเทศประจำสัปดาห์ สรุปได้ดังนี้
ราคาหัวมันสำปะหลังสด สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 2.25 บาท ราคาลดลงจากกิโลกรัมละ 2.28 บาท ในสัปดาห์ก่อนคิดเป็นร้อยละ 1.32
ราคามันเส้น สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 5.74 บาท ราคาสูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 5.58 บาท ในสัปดาห์ก่อนคิดเป็นร้อยละ 2.87
ราคาขายส่งในประเทศ
ราคาขายส่งมันเส้น (ส่งมอบ ณ คลังสินค้าเขต จ.ชลบุรี และ จ.อยุธยา) สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 6.32 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ราคาขายส่งแป้งมันสำปะหลังชั้นพิเศษ (ส่งมอบ ณ คลังสินค้าเขต กรุงเทพและปริมณฑล) สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 13.75 บาท ราคาลดลงจากกิโลกรัมละ 13.81 บาท ในสัปดาห์ก่อนคิดเป็นร้อยละ 0.43
ราคาส่งออก เอฟ.โอ.บี
ราคาส่งออกมันเส้น สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 213 ดอลลาร์สหรัฐฯ (6,727 บาทต่อตัน) ราคาลดลงจากตันละ 215 ดอลลาร์สหรัฐฯ (6,824 บาทต่อตัน) ในสัปดาห์ก่อน คิดเป็นร้อยละ 0.93
ราคาส่งออกแป้งมันสำปะหลัง สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 453 ดอลลาร์สหรัฐฯ (14,307 บาทต่อตัน) ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อนในรูปดอลลาร์สหรัฐฯ (14,378 บาทต่อตัน)
การผลิต
ผลผลิตมันสำปะหลัง ปี 2562 (เริ่มออกสู่ตลาดตั้งแต่เดือนตุลาคม 2561 – กันยายน 2562) คาดว่ามีพื้นที่เก็บเกี่ยว 8.40 ล้านไร่ ผลผลิต 29.97 ล้านตัน ผลผลลิตต่อไร่ 3.57 ตัน เมื่อเทียบกับปี 2561 ที่มีพื้นที่เก็บเกี่ยว 8.03 ล้านไร่ ผลผลิต 27.88 ล้านตัน และผลผลิตต่อไร่ 3.47 ตัน พบว่า พื้นที่เก็บเกี่ยว ผลผลิต และผลผลิตต่อไร่ สูงขึ้นร้อยละ 4.61 ร้อยละ 7.50 และร้อยละ 2.88 ตามลำดับ โดยเดือนมกราคม 2562 คาดว่าจะมีผลผลิตออกสู่ตลาด 4.76 ล้านตัน (ร้อยละ 15.89 ของผลผลิตทั้งหมด)
ทั้งนี้ผลผลิตมันสำปะหลังปี 2562 จะออกสู่ตลาดมากในช่วงเดือนมกราคม – มีนาคม 2562 ปริมาณ 20.08 ล้านตัน (ร้อยละ 67 ของผลผลิตทั้งหมด)
การตลาด
หัวมันสำปะหลังออกสู่ตลาดเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ราคามันสำปะหลังปรับตัวลดลง แต่ยังอยู่ในเกณฑ์สูง ทำให้ลานมันเส้นเปิดดำเนินการไม่มาก เนื่องจากเมื่อผลิตเป็นมันเส้นแล้วไม่คุ้มกับการลงทุน ส่งผลให้หัวมันสำปะหลังส่วนใหญ่ไหลเข้าสู่โรงงานแป้งมันสำปะหลัง
ราคาที่เกษตรกรขายได้ทั้งประเทศประจำสัปดาห์ สรุปได้ดังนี้
ราคาหัวมันสำปะหลังสด สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 2.25 บาท ราคาลดลงจากกิโลกรัมละ 2.28 บาท ในสัปดาห์ก่อนคิดเป็นร้อยละ 1.32
ราคามันเส้น สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 5.74 บาท ราคาสูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 5.58 บาท ในสัปดาห์ก่อนคิดเป็นร้อยละ 2.87
ราคาขายส่งในประเทศ
ราคาขายส่งมันเส้น (ส่งมอบ ณ คลังสินค้าเขต จ.ชลบุรี และ จ.อยุธยา) สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 6.32 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ราคาขายส่งแป้งมันสำปะหลังชั้นพิเศษ (ส่งมอบ ณ คลังสินค้าเขต กรุงเทพและปริมณฑล) สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 13.75 บาท ราคาลดลงจากกิโลกรัมละ 13.81 บาท ในสัปดาห์ก่อนคิดเป็นร้อยละ 0.43
ราคาส่งออก เอฟ.โอ.บี
ราคาส่งออกมันเส้น สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 213 ดอลลาร์สหรัฐฯ (6,727 บาทต่อตัน) ราคาลดลงจากตันละ 215 ดอลลาร์สหรัฐฯ (6,824 บาทต่อตัน) ในสัปดาห์ก่อน คิดเป็นร้อยละ 0.93
ราคาส่งออกแป้งมันสำปะหลัง สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 453 ดอลลาร์สหรัฐฯ (14,307 บาทต่อตัน) ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อนในรูปดอลลาร์สหรัฐฯ (14,378 บาทต่อตัน)
ปาล์มน้ำมัน
1. สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร คาดว่าปี 2562 ผลผลิตปาล์มน้ำมันเดือนมกราคมจะมีประมาณ 1.520 ล้านตันคิดเป็นน้ำมันปาล์มดิบ 0.274 ล้านตัน สูงขึ้นจากผลผลิตปาล์มทะลาย 1.349 ล้านตัน คิดเป็นน้ำมันปาล์มดิบ 0.243 ล้านตัน ของเดือนธันวาคม 2561 คิดเป็นร้อยละ 12.68 และร้อยละ 12.76 ตามลำดับ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาผลปาล์มทะลาย สัปดาห์นี้เฉลี่ย กก.ละ 2.54 บาท ลดลงจาก กก.ละ 2.67 บาท ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 4.87
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาน้ำมันปาล์มดิบ สัปดาห์นี้เฉลี่ย กก.ละ 17.15 บาท ลดลงจาก กก.ละ 17.25 บาท ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 0.58
2. ภาวะการผลิต การตลาด และราคาในตลาดต่างประเทศ
ราคาน้ำมันปาล์มดิบของมาเลเซียมีแนวโน้มปรับตัวลดลง
ราคาน้ำมันปาล์มดิบซื้อขายล่วงหน้าตลาดมาเลเซียส่งมอบในเดือนเมษายน 2562 ปรับตัวลดลงอยู่ที่ 2,175 ริงกิตต่อตัน (529.45 ดอลลาร์สหรัฐฯ) ลดลงร้อยละ 0.4 ปริมาณอยู่ที่ 31,538 ตัน ซึ่งราคาน้ำมันปาล์มดิบปรับตัวลดลงเนื่องจากราคาน้ำมันดิบของสหรัฐฯในชิคาโกปรับตัวลดลงและราคาถั่วเหลืองอ่อนตัวลง สำหรับราคาน้ำมันปาล์มดิบของมาเลเซียได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันดิบที่เป็นวัตถุดิบในการในการผลิตไบโอดีเซล ขณะเดียวกันสัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันพืชถั่วเหลืองปรับตัวลดลงเช่นดัน
ราคาในตลาดต่างประเทศ
ตลาดมาเลเซีย ราคาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันปาล์มดิบสัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 2,097.71 ดอลลาร์มาเลเซีย (16.52 บาท/กก.) ลดลงจากตันละ 2,100.86 ดอลลาร์มาเลเซีย (16.56 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 0.15
ตลาดรอตเตอร์ดัม ราคาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันปาล์มดิบสัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 530.50 ดอลลาร์สหรัฐฯ (16.98 บาท/กก.) สูงขึ้นจากตันละ 528.50 ดอลลาร์สหรัฐฯ (17.00 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 0.38
หมายเหตุ : ราคาในตลาดต่างประเทศเฉลี่ย 5 วัน
อ้อยและน้ำตาล
- สรุปภาวะการผลิต การตลาดและราคาในประเทศ
ศูนย์บริหารการผลิต สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทรายได้รายงานการเก็บเกี่ยวอ้อยและการผลิตน้ำตาลทรายตั้งแต่วันที่ 20 พฤศจิกายน 2561 จนถึงวันที่ 15 มกราคม 2562 ว่ามีอ้อยเก็บเกี่ยวเข้าโรงงานน้ำตาลไปแล้วจำนวน 45,171,578 ตัน ผลิตเป็นน้ำตาลได้ 4,440,657 ตัน แยกเป็นน้ำตาลทรายดิบ 3,586,738 ตัน และน้ำตาลทรายขาว 853,919 ตัน ค่าความหวานของอ้อยเฉลี่ย 11.60 ซี.ซี.เอส. ผลผลิต น้ำตาลทรายเฉลี่ยต่อตันอ้อย 98.31 กก.ต่อตันอ้อย
- สรุปภาวการณ์ผลิตการตลาดและราคาในต่างประเทศ
ถั่วเหลือง
1. สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาถั่วเหลืองชนิดคละ สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 16.01 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 16.60 บาท
ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 3.55
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งถั่วเหลืองสกัดน้ำมัน สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 18.50 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
2. ภาวะการผลิต การตลาด และราคาในตลาดต่างประเทศ
ราคาในตลาดต่างประเทศ(ตลาดชิคาโก)
ราคาซื้อขายล่วงหน้าเมล็ดถั่วเหลือง สัปดาห์นี้เฉลี่ยบุชเชลละ 897.00 เซนต์ (10.55 บาท/กก.) ลดลงจากบุชเชลละ 906.92 เซนต์ (10.72 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 1.09
ราคาซื้อขายล่วงหน้ากากถั่วเหลือง สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 309.78 ดอลลาร์สหรัฐฯ (9.91 บาท/กก.) ลดลงจากตันละ 316.50 ดอลลาร์สหรัฐฯ (10.18 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 2.12
ราคาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันถั่วเหลืองสัปดาห์นี้เฉลี่ยปอนด์ละ 28.30 เซนต์ (19.96 บาท/กก.) สูงขึ้นจากปอนด์ละ 28.22 เซนต์ (20.00 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 0.28
ยางพารา
สับปะรด
ถั่วเขียว
สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ถั่วเขียวผิวมันเมล็ดใหญ่คละ สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 20.51 บาท ลดลงจากราคากิโลกรัมละ 20.59 บาท ของสัปดาห์ก่อน ร้อยละ 0.39
ถั่วเขียวผิวมันเมล็ดเล็กคละ และถั่วเขียวผิวดำคละ สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ถั่วเขียวผิวมันเกรดเอ สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 26.00 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ถั่วเขียวผิวมันเกรดบี สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 23.00 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ถั่วเขียวผิวดำ ชั้น 1 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 25.00 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ถั่วเขียวผิวดำ ชั้น 2 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 16.00 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ถั่วนิ้วนางแดง สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 26.00 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ราคาส่งออก เอฟ.โอ.บี
ถั่วเขียวผิวมันเกรดเอ สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 852.80 ดอลลาร์สหรัฐ (26.93 บาท/กิโลกรัม) สูงขึ้นจากตันละ 849.00 ดอลลาร์สหรัฐ (26.95 บาท/กิโลกรัม) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.45 แต่ลดลงในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.02 บาท
ถั่วเขียวผิวมันเกรดบี สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 757.40 ดอลลาร์สหรัฐ (23.92 บาท/กิโลกรัม) สูงขึ้นจากตันละ 754.00 ดอลลาร์สหรัฐ (23.93 บาท/กิโลกรัม) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.45 แต่ลดลงในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.01 บาท
ถั่วเขียวผิวดำ ชั้น 1 สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 852.80 ดอลลาร์สหรัฐ (26.93 บาท/กิโลกรัม) สูงขึ้นจากตันละ 849.00 ดอลลาร์สหรัฐ (26.95 บาท/กิโลกรัม) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.45 แต่ลดลงในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.02 บาท
ถั่วเขียวผิวดำ ชั้น 2 สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 502.80 ดอลลาร์สหรัฐ (15.88 บาท/กิโลกรัม) สูงขึ้นจากตันละ 500.60 ดอลลาร์สหรัฐ (15.89 บาท/กิโลกรัม) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.44 แต่ลดลงในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.01 บาท
ถั่วนิ้วนางแดง สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 910.20 ดอลลาร์สหรัฐ (28.75 บาท/กิโลกรัม) สูงขึ้นจากตันละ 906.00 ดอลลาร์สหรัฐ (28.76 บาท/กิโลกรัม) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.46 แต่ลดลงในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.01 บาท
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ถั่วเขียวผิวมันเมล็ดใหญ่คละ สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 20.51 บาท ลดลงจากราคากิโลกรัมละ 20.59 บาท ของสัปดาห์ก่อน ร้อยละ 0.39
ถั่วเขียวผิวมันเมล็ดเล็กคละ และถั่วเขียวผิวดำคละ สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ถั่วเขียวผิวมันเกรดเอ สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 26.00 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ถั่วเขียวผิวมันเกรดบี สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 23.00 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ถั่วเขียวผิวดำ ชั้น 1 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 25.00 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ถั่วเขียวผิวดำ ชั้น 2 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 16.00 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ถั่วนิ้วนางแดง สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 26.00 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ราคาส่งออก เอฟ.โอ.บี
ถั่วเขียวผิวมันเกรดเอ สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 852.80 ดอลลาร์สหรัฐ (26.93 บาท/กิโลกรัม) สูงขึ้นจากตันละ 849.00 ดอลลาร์สหรัฐ (26.95 บาท/กิโลกรัม) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.45 แต่ลดลงในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.02 บาท
ถั่วเขียวผิวมันเกรดบี สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 757.40 ดอลลาร์สหรัฐ (23.92 บาท/กิโลกรัม) สูงขึ้นจากตันละ 754.00 ดอลลาร์สหรัฐ (23.93 บาท/กิโลกรัม) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.45 แต่ลดลงในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.01 บาท
ถั่วเขียวผิวดำ ชั้น 1 สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 852.80 ดอลลาร์สหรัฐ (26.93 บาท/กิโลกรัม) สูงขึ้นจากตันละ 849.00 ดอลลาร์สหรัฐ (26.95 บาท/กิโลกรัม) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.45 แต่ลดลงในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.02 บาท
ถั่วเขียวผิวดำ ชั้น 2 สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 502.80 ดอลลาร์สหรัฐ (15.88 บาท/กิโลกรัม) สูงขึ้นจากตันละ 500.60 ดอลลาร์สหรัฐ (15.89 บาท/กิโลกรัม) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.44 แต่ลดลงในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.01 บาท
ถั่วนิ้วนางแดง สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 910.20 ดอลลาร์สหรัฐ (28.75 บาท/กิโลกรัม) สูงขึ้นจากตันละ 906.00 ดอลลาร์สหรัฐ (28.76 บาท/กิโลกรัม) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.46 แต่ลดลงในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.01 บาท
ถั่วลิสง
สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
ความเคลื่อนไหวของราคาประจำสัปดาห์ มีดังนี้
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาถั่วลิสงทั้งเปลือกแห้ง สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 60.00 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ราคาถั่วลิสงทั้งเปลือกสด สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 22.27 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 22.25 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.09
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาถั่วลิสงกะเทาะเปลือกชนิดคัดพิเศษ สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 60.00 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ราคาถั่วลิสงกะเทาะเปลือกชนิดคัดธรรมดา สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 51.00 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ความเคลื่อนไหวของราคาประจำสัปดาห์ มีดังนี้
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาถั่วลิสงทั้งเปลือกแห้ง สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 60.00 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ราคาถั่วลิสงทั้งเปลือกสด สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 22.27 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 22.25 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.09
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาถั่วลิสงกะเทาะเปลือกชนิดคัดพิเศษ สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 60.00 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ราคาถั่วลิสงกะเทาะเปลือกชนิดคัดธรรมดา สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 51.00 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ฝ้าย
1. สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
ราคาที่เกษตรกรขายได้
ราคาฝ้ายรวมเมล็ดชนิดคละ สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
ราคาซื้อ-ขายล่วงหน้าตลาดนิวยอร์ก (New York Cotton Futures)
ราคาซื้อ-ขายล่วงหน้า เพื่อส่งมอบเดือนมีนาคม 2562 สัปดาห์นี้เฉลี่ยปอนด์ละ 73.00 เซนต์(กิโลกรัมละ 51.50 บาท) สูงขึ้นจากปอนด์ละ 72.80 เซนต์ (กิโลกรัมละ 51.62 บาท) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.27
แต่ลดลงในรูปของเงินบาทกิโลกรัมละ 0.12 บาท
ราคาฝ้ายรวมเมล็ดชนิดคละ สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
ราคาซื้อ-ขายล่วงหน้าตลาดนิวยอร์ก (New York Cotton Futures)
ราคาซื้อ-ขายล่วงหน้า เพื่อส่งมอบเดือนมีนาคม 2562 สัปดาห์นี้เฉลี่ยปอนด์ละ 73.00 เซนต์(กิโลกรัมละ 51.50 บาท) สูงขึ้นจากปอนด์ละ 72.80 เซนต์ (กิโลกรัมละ 51.62 บาท) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.27
แต่ลดลงในรูปของเงินบาทกิโลกรัมละ 0.12 บาท
ไหม
ราคาเส้นไหมพื้นเมืองเกรด 1 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 1,577 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 1,613 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 2.27
ราคาเส้นไหมพื้นเมืองเกรด 2 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 1,233 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 1,260 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 2.11
ราคาเส้นไหมพื้นเมืองเกรด 3 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 837 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาเส้นไหมพื้นเมืองเกรด 2 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 1,233 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 1,260 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 2.11
ราคาเส้นไหมพื้นเมืองเกรด 3 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 837 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
ปศุสัตว์
สุกร
สถานการณ์การผลิต การค้า และราคาในประเทศ
สัปดาห์นี้ราคาสุกรมีชีวิตที่เกษตรกรขายได้สูงขึ้นเล็กน้อยจากสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากอยู่ในช่วงเทศกาลท่องเที่ยว ทำให้มีการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น ส่งผลให้ความต้องการบริโภคเนื้อสุกรมีมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง แนวโน้มสัปดาห์หน้าคาดว่าราคาจะสูงขึ้นเล็กน้อย
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
สุกรมีชีวิตพันธุ์ผสมน้ำหนัก 100 กิโลกรัมขึ้นไป ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ กิโลกรัมละ 63.16 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 60.43 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 1.49 โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 62.06 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กิโลกรัมละ 60.33 บาท ภาคกลาง กิโลกรัมละ 64.68 บาท และภาคใต้ กิโลกรัมละ 61.84 บาท ส่วนราคาลูกสุกรตามประกาศของบริษัท ซี.พี. ในสัปดาห์นี้ ตัวละ 2,000 บาท (บวกลบ 70 บาท) สูงขึ้นจากตัวละ 1,900 บาท (บวกลบ 68 บาท) ของสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 5.26
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งสุกรมีชีวิต ณ แหล่งผลิตภาคกลาง จากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยกิโลกรัมละ 73.50 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 71.50 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 2.80
สัปดาห์นี้ราคาสุกรมีชีวิตที่เกษตรกรขายได้สูงขึ้นเล็กน้อยจากสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากอยู่ในช่วงเทศกาลท่องเที่ยว ทำให้มีการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น ส่งผลให้ความต้องการบริโภคเนื้อสุกรมีมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง แนวโน้มสัปดาห์หน้าคาดว่าราคาจะสูงขึ้นเล็กน้อย
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
สุกรมีชีวิตพันธุ์ผสมน้ำหนัก 100 กิโลกรัมขึ้นไป ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ กิโลกรัมละ 63.16 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 60.43 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 1.49 โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 62.06 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กิโลกรัมละ 60.33 บาท ภาคกลาง กิโลกรัมละ 64.68 บาท และภาคใต้ กิโลกรัมละ 61.84 บาท ส่วนราคาลูกสุกรตามประกาศของบริษัท ซี.พี. ในสัปดาห์นี้ ตัวละ 2,000 บาท (บวกลบ 70 บาท) สูงขึ้นจากตัวละ 1,900 บาท (บวกลบ 68 บาท) ของสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 5.26
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งสุกรมีชีวิต ณ แหล่งผลิตภาคกลาง จากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยกิโลกรัมละ 73.50 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 71.50 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 2.80
ไก่เนื้อ
สถานการณ์การผลิต การค้า และราคาในประเทศ
สถานการณ์ตลาดไก่เนื้อ สัปดาห์นี้ราคาไก่เนื้อที่เกษตรกรขายได้สูงขึ้นเล็กน้อยจากสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากความต้องการบริโภคไก่เนื้อเริ่มมีมากขึ้น ขณะที่ผลผลิตไก่เนื้อออกสู่ตลาดในภาวะปกติ แนวโน้มสัปดาห์หน้าคาดว่าราคาจะทรงตัวหรือสูงขึ้นเล็กน้อย
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาไก่เนื้อที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ กิโลกรัมละ 34.10 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 33.67 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 1.28 โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 35.00 บาท ภาคกลาง กิโลกรัมละ 33.41 บาท ภาคใต้ กิโลกรัมละ 39.86 บาท และภาคตะวันออกเฉียงเหนือไม่มีรายงาน ส่วนราคาลูกไก่เนื้อตามประกาศของบริษัท ซี.พี ในสัปดาห์นี้ ตัวละ 10.50 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งไก่มีชีวิตหน้าโรงฆ่า จากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยกิโลกรัมละ 32.50 บาท และราคาขายส่งไก่สดทั้งตัวรวมเครื่องใน เฉลี่ยกิโลกรัมละ 44.50 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
สถานการณ์ตลาดไก่เนื้อ สัปดาห์นี้ราคาไก่เนื้อที่เกษตรกรขายได้สูงขึ้นเล็กน้อยจากสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากความต้องการบริโภคไก่เนื้อเริ่มมีมากขึ้น ขณะที่ผลผลิตไก่เนื้อออกสู่ตลาดในภาวะปกติ แนวโน้มสัปดาห์หน้าคาดว่าราคาจะทรงตัวหรือสูงขึ้นเล็กน้อย
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาไก่เนื้อที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ กิโลกรัมละ 34.10 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 33.67 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 1.28 โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 35.00 บาท ภาคกลาง กิโลกรัมละ 33.41 บาท ภาคใต้ กิโลกรัมละ 39.86 บาท และภาคตะวันออกเฉียงเหนือไม่มีรายงาน ส่วนราคาลูกไก่เนื้อตามประกาศของบริษัท ซี.พี ในสัปดาห์นี้ ตัวละ 10.50 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งไก่มีชีวิตหน้าโรงฆ่า จากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยกิโลกรัมละ 32.50 บาท และราคาขายส่งไก่สดทั้งตัวรวมเครื่องใน เฉลี่ยกิโลกรัมละ 44.50 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
ไข่ไก่
สถานการณ์การผลิต การค้า และราคาในประเทศ
ในสัปดาห์นี้ราคาไข่ไก่ที่เกษตรกรขายได้สูงขึ้นจากสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากความต้องการบริโภคไข่ไก่มีมากขึ้น ส่งผลให้ภาวะตลาดไข่ไก่ค่อนข้างคึกคักและคล่องตัว แนวโน้มสัปดาห์หน้าคาดว่าราคาจะทรงตัวหรือสูงขึ้นเล็กน้อย
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาไข่ไก่ที่เกษตรกรขายได้ เฉลี่ยทั้งประเทศร้อยฟองละ 273 บาท สูงขึ้นจากร้อยฟองละ 266 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 2.63 โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ ร้อยฟองละ 294 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร้อยฟองละ 281 บาท ภาคกลางร้อยฟองละ 265 บาท และภาคใต้ไม่มีรายงาน ส่วนราคาลูกไก่ไข่ตามประกาศของบริษัท ซี.พี. ในสัปดาห์นี้ ตัวละ 11.00 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งไข่ไก่ (เฉลี่ยเบอร์ 0-4) ในตลาดกรุงเทพฯจากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยร้อยฟองละ 291 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
ในสัปดาห์นี้ราคาไข่ไก่ที่เกษตรกรขายได้สูงขึ้นจากสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากความต้องการบริโภคไข่ไก่มีมากขึ้น ส่งผลให้ภาวะตลาดไข่ไก่ค่อนข้างคึกคักและคล่องตัว แนวโน้มสัปดาห์หน้าคาดว่าราคาจะทรงตัวหรือสูงขึ้นเล็กน้อย
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาไข่ไก่ที่เกษตรกรขายได้ เฉลี่ยทั้งประเทศร้อยฟองละ 273 บาท สูงขึ้นจากร้อยฟองละ 266 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 2.63 โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ ร้อยฟองละ 294 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร้อยฟองละ 281 บาท ภาคกลางร้อยฟองละ 265 บาท และภาคใต้ไม่มีรายงาน ส่วนราคาลูกไก่ไข่ตามประกาศของบริษัท ซี.พี. ในสัปดาห์นี้ ตัวละ 11.00 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งไข่ไก่ (เฉลี่ยเบอร์ 0-4) ในตลาดกรุงเทพฯจากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยร้อยฟองละ 291 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
ไข่เป็ด
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาไข่เป็ดที่เกษตรกรขายได้ เฉลี่ยทั้งประเทศร้อยฟองละ 327 บาท สูงขึ้นจากร้อยฟองละ 326 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 0.31 โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ ร้อยฟองละ 332 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร้อยฟองละ 342 บาท ภาคกลาง ร้อยฟองละ 296 บาท และภาคใต้ ร้อยฟองละ 368 บาท
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งไข่เป็ดคละ ณ แหล่งผลิตภาคกลาง จากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยร้อยฟองละ 340 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาไข่เป็ดที่เกษตรกรขายได้ เฉลี่ยทั้งประเทศร้อยฟองละ 327 บาท สูงขึ้นจากร้อยฟองละ 326 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 0.31 โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ ร้อยฟองละ 332 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร้อยฟองละ 342 บาท ภาคกลาง ร้อยฟองละ 296 บาท และภาคใต้ ร้อยฟองละ 368 บาท
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งไข่เป็ดคละ ณ แหล่งผลิตภาคกลาง จากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยร้อยฟองละ 340 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
โคเนื้อ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาโคพันธุ์ลูกผสม (ขนาดกลาง) ที่เกษตรกรขายได้ เฉลี่ยทั้งประเทศกิโลกรัมละ 87.75 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 88.10 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 0.40 โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 89.99 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กิโลกรัมละ 83.98 บาท ภาคกลาง กิโลกรัมละ 84.78 บาท และภาคใต้กิโลกรัมละ 101.01 บาท
ราคาโคพันธุ์ลูกผสม (ขนาดกลาง) ที่เกษตรกรขายได้ เฉลี่ยทั้งประเทศกิโลกรัมละ 87.75 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 88.10 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 0.40 โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 89.99 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กิโลกรัมละ 83.98 บาท ภาคกลาง กิโลกรัมละ 84.78 บาท และภาคใต้กิโลกรัมละ 101.01 บาท
กระบือ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคากระบือ (ขนาดกลาง) ที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศกิโลกรัมละ 69.81 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 69.92 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 0.16 โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 90.72 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กิโลกรัมละ 65.77 บาท ภาคกลางและภาคใต้ไม่มีรายงานราคา
ราคากระบือ (ขนาดกลาง) ที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศกิโลกรัมละ 69.81 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 69.92 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 0.16 โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 90.72 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กิโลกรัมละ 65.77 บาท ภาคกลางและภาคใต้ไม่มีรายงานราคา
ประมง
1. สถานการณ์การผลิต การตลาดและราคาในประเทศ
การผลิต
เปลี่ยนถ่ายกระชังลูกใหม่หรือเพิ่มออกซิเจนในน้ำนช่วงดังกล่าวเป็นช่วงที่น้ำตาย โดยเฉพาะในช่วงกลางคืนบวกกับออกซิเจนในน้ำค่อนในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา (ระหว่างวันที่ 11 – 17 มกราคม 2562) ไม่มีรายงานปริมาณจากองค์การสะพานปลากรุงเทพฯ
การตลาด
ความเคลื่อนไหวของราคาสัตว์น้ำที่สำคัญประจำสัปดาห์นี้มีดังนี้ คือ
2.1 ปลาดุกบิ๊กอุย (ขนาด 3-4 ตัว/กก.) ราคาที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 45.00 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ เฉลี่ยกิโลกรัมละ 80.00 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
2.2 ปลาช่อน (ขนาดกลาง) ราคาที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 86.50 บาท ราคาลดลงจากกิโลกรัมละ 87.12 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 0.62 บาท
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ เฉลี่ยกิโลกรัมละ 120.00 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
2.3 กุ้งกุลาดำ ราคาที่ชาวประมงขายได้ ขนาด 60 ตัวต่อกิโลกรัม และราคา ณ ตลาดทะเลไทย จ.สมุทรสาคร ขนาดกลาง (60 ตัว/กก.) สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
2.4 กุ้งขาวแวนนาไม ราคาที่ชาวประมงขายได้ขนาด 70 ตัวต่อกิโลกรัม เฉลี่ยกิโลกรัมละ 163.01 บาท ราคาสูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 154.11 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 8.90 บาท
สำหรับราคา ณ ตลาดทะเลไทย จ.สมุทรสาคร ขนาด 70 ตัวต่อกิโลกรัม เฉลี่ยกิโลกรัมละ 163.33 บาท ราคาสูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 156.67 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 6.66 บาท
2.5 ปลาทู (ขนาดกลาง) ราคาปลาทูสดที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 89.58 บาท ราคาสูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 84.75 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 4.83 บาท
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ เฉลี่ยกิโลกรัมละ 85.00 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
2.6 ปลาหมึกกระดอง (ขนาดกลาง) ราคาปลาหมึกกระดองสดที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 161.00 บาท ราคาสูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 130.00 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 31.00 บาท
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ เฉลี่ยกิโลกรัมละ 200.00 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
2.7 ปลาเป็ดและปลาป่น ราคาปลาเป็ดที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 8.31 บาท ราคาสูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 7.95 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 0.36 บาท
สำหรับราคาขายส่งปลาป่นชนิดโปรตีนต่ำกว่า 60% (ระหว่างวันที่ 11 – 17 มกราคม 2562) ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 27.00 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
1. สถานการณ์การผลิต การตลาดและราคาในประเทศ
การผลิต
เปลี่ยนถ่ายกระชังลูกใหม่หรือเพิ่มออกซิเจนในน้ำนช่วงดังกล่าวเป็นช่วงที่น้ำตาย โดยเฉพาะในช่วงกลางคืนบวกกับออกซิเจนในน้ำค่อนในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา (ระหว่างวันที่ 11 – 17 มกราคม 2562) ไม่มีรายงานปริมาณจากองค์การสะพานปลากรุงเทพฯ
การตลาด
ความเคลื่อนไหวของราคาสัตว์น้ำที่สำคัญประจำสัปดาห์นี้มีดังนี้ คือ
2.1 ปลาดุกบิ๊กอุย (ขนาด 3-4 ตัว/กก.) ราคาที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 45.00 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ เฉลี่ยกิโลกรัมละ 80.00 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
2.2 ปลาช่อน (ขนาดกลาง) ราคาที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 86.50 บาท ราคาลดลงจากกิโลกรัมละ 87.12 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 0.62 บาท
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ เฉลี่ยกิโลกรัมละ 120.00 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
2.3 กุ้งกุลาดำ ราคาที่ชาวประมงขายได้ ขนาด 60 ตัวต่อกิโลกรัม และราคา ณ ตลาดทะเลไทย จ.สมุทรสาคร ขนาดกลาง (60 ตัว/กก.) สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
2.4 กุ้งขาวแวนนาไม ราคาที่ชาวประมงขายได้ขนาด 70 ตัวต่อกิโลกรัม เฉลี่ยกิโลกรัมละ 163.01 บาท ราคาสูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 154.11 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 8.90 บาท
สำหรับราคา ณ ตลาดทะเลไทย จ.สมุทรสาคร ขนาด 70 ตัวต่อกิโลกรัม เฉลี่ยกิโลกรัมละ 163.33 บาท ราคาสูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 156.67 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 6.66 บาท
2.5 ปลาทู (ขนาดกลาง) ราคาปลาทูสดที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 89.58 บาท ราคาสูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 84.75 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 4.83 บาท
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ เฉลี่ยกิโลกรัมละ 85.00 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
2.6 ปลาหมึกกระดอง (ขนาดกลาง) ราคาปลาหมึกกระดองสดที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 161.00 บาท ราคาสูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 130.00 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 31.00 บาท
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ เฉลี่ยกิโลกรัมละ 200.00 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
2.7 ปลาเป็ดและปลาป่น ราคาปลาเป็ดที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 8.31 บาท ราคาสูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 7.95 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 0.36 บาท
สำหรับราคาขายส่งปลาป่นชนิดโปรตีนต่ำกว่า 60% (ระหว่างวันที่ 11 – 17 มกราคม 2562) ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 27.00 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา