- ข้อมูลเศรษฐกิจการเกษตร
- ภาวะเศรษฐกิจการเกษตร
- รายละเอียดภาวะเศรษฐกิจการเกษตร
ข้อมูลเศรษฐกิจการเกษตร
สถานการณ์การผลิตและการตลาดรายสัปดาห์ 30 พ.ย.- 6 ธันวาคม 61
ข้าว
1. สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาในประเทศ
1.1 การตลาด
มาตรการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวปีการผลิต2561/62
มติที่ประชุม คณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.)ครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2561 เห็นชอบในหลักการมาตรการฯ ด้านการผลิตและการตลาด ทั้งหมด10 โครงการดังนี้
(1) ด้านการผลิต*ได้แก่
1) โครงการส่งเสริมระบบการเกษตรแบบนาแปลงใหญ่ (นาแปลงใหญ่)
2) โครงการส่งเสริมการผลิตข้าวอินทรีย์
3) โครงการพัฒนาเกษตรกรปราดเปรื่อง
4) โครงการส่งเสริมระบบการเกษตรแบบแม่นยำสูง (Precision Farming)
5) โครงการส่งเสริมการผลิตข้าวหอมมะลิคุณภาพชั้นเลิศ
6) โครงการส่งเสริมการผลิตและการตลาดข้าวพันธุ์ กข 43 เพื่อสุขภาพแบบครบวงจร
7) โครงการปรับเปลี่ยนระบบการผลิตข้าวในพื้นที่ลุ่มต่ำ 13 ทุ่ง
หมายเหตุ * ด้านการผลิต เป็นโครงการที่หน่วยงานดำเนินการตามปกติ จึงไม่นำเข้าที่ประชุม ครม.พิจารณามาตรการฯ
(2) ด้านการตลาด
- มติที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 24กรกฎาคม 2561 อนุมัติการดำเนินโครงการและวงเงินงบประมาณที่ใช้ช่วยเหลือเกษตรกรและรักษาเสถียรภาพราคาข้าว ปีการผลิต 2561/62 ด้านการตลาด จำนวน 3 โครงการ ได้แก่
1)โครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปีและการช่วยเหลือค่าเก็บเกี่ยวและปรับปรุงคุณภาพข้าว
2) โครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร
3) โครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต็อก
- มติที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 11กันยายน 2561 อนุมัติทบทวนมาตรการรักษาเสถียรภาพราคาข้าว ปีการผลิต 2561/62 โครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2561/61 ตามมติคณะกรรมการนบข.เมื่อวันที่ 3 กันยายน 2561ที่กระทรวงพาณิชย์เสนอดังนี้
(1) กรณีเกษตรกรฝากเก็บข้าวไว้ที่สหกรณ์หรือสถาบันเกษตรกร ให้ปรับปรุงให้ค่าเก็บรักษาข้าวเปลือก
(2) เกษตรกรและสถาบันเกษตรกร ต้องเก็บรักษาข้าวเปลือกหลักประกันไว้ในยุ้งฉางหรือสถานที่เก็บของตนเองเท่านั้น
(3) ปรับปรุงวิธีการเก็บรักษาข้าวเปลือกของสถาบันเกษตรกร ต้องเก็บรักษาข้าวเปลือกโดยบรรจุข้าวเปลือกในกระสอบป่านหรือถุง Big bag และวางเรียงในยุ้งฉางหรือสถานที่เก็บเพื่อสะดวกในการตรวจสอบ หรือเก็บข้าวในยุ้งฉางที่ยกพื้นสูงหรือไซโล (SILO) ยกเว้นกรณีเทกองจะต้องมีระบบการระบายอากาศ เพื่อการรักษาคุณภาพข้าวเปลือกไม่ให้เสื่อมสภาพตลอดระยะเวลาโครงการ
1.2 ราคา
1) ราคาที่เกษตรกรขายได้ทั้งประเทศ
ข้าวเปลือกเจ้านาปีหอมมะลิสัปดาห์นี้ เฉลี่ยตันละ 15,032 บาท ราคาลดลงจากตันละ 15,164 บาท
ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.87
ข้าวเปลือกเจ้าความชื้น 15% สัปดาห์นี้ เฉลี่ยตันละ 8,068 บาท ราคาสูงขึ้นจากตันละ 8,044 บาท
ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.30
2) ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ข้าวหอมมะลิ 100% ชั้น 1 (ใหม่) สัปดาห์นี้ เฉลี่ยตันละ 34,050บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ข้าวขาว 5% (ใหม่) สัปดาห์นี้ เฉลี่ยตันละ 11,750บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
3) ราคาส่งออกเอฟโอบี
ข้าวหอมมะลิไทย 100% (ใหม่) สัปดาห์นี้ เฉลี่ยตันละ 1,119 ดอลลาร์สหรัฐฯ (36,445 บาท/ตัน) ราคาสูงขึ้นจากตันละ 1,112 ดอลลาร์สหรัฐฯ (36,409 บาท/ตัน) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.62 และสูงขึ้นในรูปเงินบาทตันละ 36 บาท
ข้าวขาว 5% สัปดาห์นี้ เฉลี่ยตันละ 403 ดอลลาร์สหรัฐฯ (13,126 บาท/ตัน) ราคาสูงขึ้นจากตันละ 400 ดอลลาร์สหรัฐฯ (13,097 บาท/ตัน) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.75 และสูงขึ้นในรูปเงินบาทตันละ 29 บาท
ข้าวขาว 25% สัปดาห์นี้ เฉลี่ยตันละ 394 ดอลลาร์สหรัฐฯ (12,832 บาท/ตัน) ราคาสูงขึ้นจากตันละ 391 ดอลลาร์สหรัฐฯ (12,802 บาท/ตัน) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.76 และสูงขึ้นในรูปเงินบาทตันละ 30 บาท
ข้าวนึ่ง 5% สัปดาห์นี้ เฉลี่ยตันละ 403 ดอลลาร์สหรัฐฯ (13,126 บาท/ตัน) ราคาสูงขึ้นจากตันละ 400 ดอลลาร์สหรัฐฯ (13,097 บาท/ตัน) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.75 และสูงขึ้นในรูปเงินบาทตันละ 29 บาท
หมายเหตุ : อัตราแลกเปลี่ยน 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ เท่ากับ 32.5696
2. สถานการณ์ข้าวของประเทศผู้ผลิตและผู้บริโภคที่สำคัญ
ไทย
อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ (นายอดุลย์ โชตินิสากรณ์) เปิดเผยว่า เดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมาได้มีการตกลงขายข้าวให้กับรัฐบาลจีนและรัฐบาลฟิลิปปินส์ในรูปแบบรัฐต่อรัฐ หรือ จีทูจี รวม 1.8 แสนตัน โดยข้าวที่ขายให้กับรัฐบาลจีน คณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) ได้เห็นชอบการตกลงราคาขายข้าวล็อตที่ 7 ปริมาณ 1 แสนตัน กำหนดส่งมอบไม่เกินเดือนธันวาคม 2561 และที่ผ่านมาได้ส่งมอบข้าวให้กับจีนตามสัญญาแล้ว 6 แสนตัน จากสัญญา
ที่ทำไว้รวม 1 ล้านตัน สำหรับการประมูลขายข้าวให้รัฐบาลฟิลิปปินส์เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2561 ไทยชนะการประมูลนำเข้าข้าวขาว 25% ฤดูกาลผลิตใหม่ของหน่วยงาน National Food Authority (NFA) ซึ่งเป็นหน่วยงานซื้อข้าวของฟิลิปปินส์ที่ปริมาณ 80,000 ตัน และมีกำหนดส่งมอบภายในเดือนธันวาคมนี้ รวมถึงภาคเอกชนไทยได้ชนะการประมูลนำเข้าข้าวเป็นการทั่วไปของฟิลิปปินส์อีก 144,000 ตัน จากปริมาณที่เปิดประมูลนำเข้าข้าวขาว 25% ปริมาณ 500,000 ตัน โดยมีกำหนดส่งมอบเดือนธันวาคม 2561 – มกราคม 2562 ดังนั้น ไทยต้องเตรียมส่งออกข้าวทั้งหมดรวม 324,000 ตัน ภายในเดือนมกราคม 2562 ซึ่งถือเป็นข่าวดีสำหรับชาวนาและตลาดข้าวของไทย เพราะมีคำสั่งซื้อข้าวไทยจากต่างประเทศเข้ามาอย่างต่อเนื่องในปริมาณมาก โดยตลาดต่างประเทศจะช่วยรองรับผลผลิตข้าวนาปีที่จะออกสู่ตลาดในช่วงสิ้นปีนี้ อธิบดีกล่าวต่ออีกว่า “ผู้ส่งออกข้าวจะต้องซื้อข้าวเปลือกจากชาวนาเพื่อส่งมอบข้าวปริมาณมาก
ในระยะเวลาสั้น จึงเป็นการช่วยระบายข้าวฤดูกาลใหม่ได้อย่างรวดเร็ว ส่งผลดีต่อชาวนาที่จะขายข้าวเปลือกได้ในราคาดี มีเสถียรภาพมากขึ้น และยังส่งผลดีต่อการค้าข้าวไทยทั้งระบบด้วย”
สถิติการส่งออกข้าวไทยตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 27 พฤศจิกายน 2561 ส่งออกรวม 9.89 ล้านตัน มูลค่ากว่า 1.6 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.5 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้ กรมการค้าต่างประเทศ คาดการณ์ว่าจะสามารถส่งออกข้าวไปต่างประเทศได้ 11 ล้านตัน ตามเป้าหมายปี 2561 เนื่องจากมีคำสั่งซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศแอฟริกาที่จะนำเข้าข้าวก่อนเทศกาลคริสต์มาส
ที่มา : หนังสือพิมพ์สยามธุรกิจ
กัมพูชา
นาย Sok Puthyvuth ประธานสหพันธ์ข้าวแห่งกัมพูชา (the Cambodia Rice Federation; CRF) แสดงความกังวลเกี่ยวกับมาตรการกำหนดภาษีของสหภาพยุโรปที่จะมีผลต่อการนำเข้าข้าวของกัมพูชาไปยังสหภาพยุโรป พร้อมทั้งให้ความเห็นว่า ปัจจัยภายในของสหภาพยุโรป คือ สาเหตุหลักที่ส่งผลกระทบต่อเกษตรกรในสหภาพยุโรป โดยประธานสหพันธ์ข้าวกัมพูชากล่าวว่า ความยากลำบากที่เกษตรกรในสหภาพยุโรปต้องเผชิญคือการขาดความร่วมมือระหว่าง
กลุ่มเกษตรกร ผู้แปรรูป และผู้ค้าข้าว เนื่องจากต้นทุนการผลิตที่สูงมากของประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปเป็นอุปสรรค
สำคัญในการปรับปรุงอุตสาหกรรมข้าวในยุโรป ไม่ใช่ผลจากการที่สหภาพยุโรปมีการนำเข้าข้าวกัมพูชาเป็นจำนวนมาก
ทั้งนี้ เมื่อต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ได้มีการแสดงความคิดเห็นในแต่ละภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เกี่ยวกับการเผยแพร่ประกาศของคณะกรรมาธิการสหภาพยุโรป (the European Commission) มีสาระสำคัญคือ ผู้ส่งออกข้าวเมล็ดยาว สายพันธุ์ Indica ของกัมพูชา และเมียนมาร์ จะต้องเผชิญกับมาตรการทางภาษีนำเข้าข้าวที่เพิ่มขึ้นภายใน 3 ปี ซึ่งมีการเสนอให้เก็บภาษีศุลกากร (The customs tariff duty) จากทั้ง 2 ประเทศ ในอัตรา 175 ยูโรต่อตัน (ประมาณ 198 ดอลลาร์สหรัฐ) ในปีแรก และในอัตรา 150 ยูโรต่อตัน ในปีที่ 2 และอัตรา 125 ยูโรต่อตัน ในปีที่ 3 เป็นต้นไป
อย่างไรก็ตาม สหพันธ์ข้าวแห่งกัมพูชาไม่เชื่อว่ามาตรการปกป้องการนำเข้าข้าว (safeguard measures) ของสหภาพยุโรปที่จะออกในครั้งนี้ สามารถช่วยปรับปรุงวิถีชีวิตของเกษตรกรในสหภาพยุโรป เนื่องจากข้าวกัมพูชาส่วนใหญ่ไม่ได้แข่งขันโดยตรงกับผลผลิตข้าวที่ผลิตได้ในสหภาพยุโรป ซึ่งข้าวกัมพูชาที่นำเข้าไปยังสหภาพยุโรปเป็นข้าวหอม
ในสัดส่วนร้อยละ 55 ซึ่งต่างจากข้าวของสหภาพยุโรป
ทั้งนี้ มีการประเมินว่า ผลกระทบของมาตรการภาษีศุลกากรของสหภาพยุโรปจะส่งผลกระทบต่อเกษตรกร กัมพูชามากกว่า 3 ล้านคน ซึ่งถือเป็นเรื่องที่สำคัญมาก โดยนาย Chray Son รองผู้อำนวยการบริษัท Capital Food
ประเทศกัมพูชากล่าวว่า เกษตรกรกัมพูชาจะได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากมาตรการดังกล่าว โดยให้ความเห็นว่าต้นทุนการผลิตของกัมพูชาสูงมาก ดังนั้นหากผู้นำเข้าต้องจ่ายภาษีให้กับสหภาพยุโรปจะทำให้ความสามารถในการแข่งขันในตลาดของกัมพูชาลดลง
ด้านนาย Chan Sophal ผู้อำนวยการศูนย์นโยบายศึกษา (Centre for Policy Studies) เชื่อว่ามาตรการทางภาษีของสหภาพยุโรปจะทำให้เกษตรกรกัมพูชาหันไปขายข้าวให้กับตลาดอื่นๆ ในอาเซียน โดยอุตสาหกรรมข้าวของกัมพูชา รวมทั้งเกษตรกรจะต้องหันไปพึ่งพาตลาดจากประเทศไทย และเวียดนามมากขึ้น
ที่มา : สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย
อินโดนีเซีย
รัฐบาลอินโดนีเซียวางแผนที่จะใช้มาตรการใหม่ในการจัดหาข้าว ในช่วงเดือนมกราคม 2562 เพื่อเป็นการ รับประกันว่าจะมีสต็อกข้าวเพียงพอเพื่อสำรองไว้ใช้ในประเทศและเป็นการดูดซับผลผลิตข้าวบางส่วนออกจากตลาด
ทั้งนี้ รัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจได้ให้ข้อมูลว่า ภายใต้โครงการใหม่ที่จะนำมาใช้ รัฐบาลจะอนุญาตให้ใช้เงินจากกองทุนสำรองข้าวของรัฐบาล (the government’s rice reserve; CBP) เพื่อชดเชยส่วนต่างระหว่างราคาตลาด และราคาข้าวในโครงการของรัฐบาล เช่น หากหน่วยงาน BULOG (the State Logistics Agency) ขายข้าวในราคา 8,000
รูเปียต่อกิโลกรัม () ภายใต้โครงการของรัฐบาล ขณะที่ราคาข้าวในตลาดอยู่ที่ประมาณ 10,000 รูเปียต่อกิโลกรัม (ประมาณ 695 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อตัน) หน่วยงาน BULOG จะได้รับเงินชดเชย จำนวน 2,000 รูเปียต่อกิโลกรัม (ประมาณ 139 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อตัน) จากกองทุนดังกล่าว
ที่มา : สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย
กราฟราคาที่เกษตรกรขายได้ข้าวเปลือกเจ้าความชื้น 15% และราคาขายส่งตลาด กทม. ข้าวสารเจ้า 5%
1.1 การตลาด
มาตรการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวปีการผลิต2561/62
มติที่ประชุม คณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.)ครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2561 เห็นชอบในหลักการมาตรการฯ ด้านการผลิตและการตลาด ทั้งหมด10 โครงการดังนี้
(1) ด้านการผลิต*ได้แก่
1) โครงการส่งเสริมระบบการเกษตรแบบนาแปลงใหญ่ (นาแปลงใหญ่)
2) โครงการส่งเสริมการผลิตข้าวอินทรีย์
3) โครงการพัฒนาเกษตรกรปราดเปรื่อง
4) โครงการส่งเสริมระบบการเกษตรแบบแม่นยำสูง (Precision Farming)
5) โครงการส่งเสริมการผลิตข้าวหอมมะลิคุณภาพชั้นเลิศ
6) โครงการส่งเสริมการผลิตและการตลาดข้าวพันธุ์ กข 43 เพื่อสุขภาพแบบครบวงจร
7) โครงการปรับเปลี่ยนระบบการผลิตข้าวในพื้นที่ลุ่มต่ำ 13 ทุ่ง
หมายเหตุ * ด้านการผลิต เป็นโครงการที่หน่วยงานดำเนินการตามปกติ จึงไม่นำเข้าที่ประชุม ครม.พิจารณามาตรการฯ
(2) ด้านการตลาด
- มติที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 24กรกฎาคม 2561 อนุมัติการดำเนินโครงการและวงเงินงบประมาณที่ใช้ช่วยเหลือเกษตรกรและรักษาเสถียรภาพราคาข้าว ปีการผลิต 2561/62 ด้านการตลาด จำนวน 3 โครงการ ได้แก่
1)โครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปีและการช่วยเหลือค่าเก็บเกี่ยวและปรับปรุงคุณภาพข้าว
2) โครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร
3) โครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต็อก
- มติที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 11กันยายน 2561 อนุมัติทบทวนมาตรการรักษาเสถียรภาพราคาข้าว ปีการผลิต 2561/62 โครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2561/61 ตามมติคณะกรรมการนบข.เมื่อวันที่ 3 กันยายน 2561ที่กระทรวงพาณิชย์เสนอดังนี้
(1) กรณีเกษตรกรฝากเก็บข้าวไว้ที่สหกรณ์หรือสถาบันเกษตรกร ให้ปรับปรุงให้ค่าเก็บรักษาข้าวเปลือก
(2) เกษตรกรและสถาบันเกษตรกร ต้องเก็บรักษาข้าวเปลือกหลักประกันไว้ในยุ้งฉางหรือสถานที่เก็บของตนเองเท่านั้น
(3) ปรับปรุงวิธีการเก็บรักษาข้าวเปลือกของสถาบันเกษตรกร ต้องเก็บรักษาข้าวเปลือกโดยบรรจุข้าวเปลือกในกระสอบป่านหรือถุง Big bag และวางเรียงในยุ้งฉางหรือสถานที่เก็บเพื่อสะดวกในการตรวจสอบ หรือเก็บข้าวในยุ้งฉางที่ยกพื้นสูงหรือไซโล (SILO) ยกเว้นกรณีเทกองจะต้องมีระบบการระบายอากาศ เพื่อการรักษาคุณภาพข้าวเปลือกไม่ให้เสื่อมสภาพตลอดระยะเวลาโครงการ
1.2 ราคา
1) ราคาที่เกษตรกรขายได้ทั้งประเทศ
ข้าวเปลือกเจ้านาปีหอมมะลิสัปดาห์นี้ เฉลี่ยตันละ 15,032 บาท ราคาลดลงจากตันละ 15,164 บาท
ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.87
ข้าวเปลือกเจ้าความชื้น 15% สัปดาห์นี้ เฉลี่ยตันละ 8,068 บาท ราคาสูงขึ้นจากตันละ 8,044 บาท
ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.30
2) ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ข้าวหอมมะลิ 100% ชั้น 1 (ใหม่) สัปดาห์นี้ เฉลี่ยตันละ 34,050บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ข้าวขาว 5% (ใหม่) สัปดาห์นี้ เฉลี่ยตันละ 11,750บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
3) ราคาส่งออกเอฟโอบี
ข้าวหอมมะลิไทย 100% (ใหม่) สัปดาห์นี้ เฉลี่ยตันละ 1,119 ดอลลาร์สหรัฐฯ (36,445 บาท/ตัน) ราคาสูงขึ้นจากตันละ 1,112 ดอลลาร์สหรัฐฯ (36,409 บาท/ตัน) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.62 และสูงขึ้นในรูปเงินบาทตันละ 36 บาท
ข้าวขาว 5% สัปดาห์นี้ เฉลี่ยตันละ 403 ดอลลาร์สหรัฐฯ (13,126 บาท/ตัน) ราคาสูงขึ้นจากตันละ 400 ดอลลาร์สหรัฐฯ (13,097 บาท/ตัน) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.75 และสูงขึ้นในรูปเงินบาทตันละ 29 บาท
ข้าวขาว 25% สัปดาห์นี้ เฉลี่ยตันละ 394 ดอลลาร์สหรัฐฯ (12,832 บาท/ตัน) ราคาสูงขึ้นจากตันละ 391 ดอลลาร์สหรัฐฯ (12,802 บาท/ตัน) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.76 และสูงขึ้นในรูปเงินบาทตันละ 30 บาท
ข้าวนึ่ง 5% สัปดาห์นี้ เฉลี่ยตันละ 403 ดอลลาร์สหรัฐฯ (13,126 บาท/ตัน) ราคาสูงขึ้นจากตันละ 400 ดอลลาร์สหรัฐฯ (13,097 บาท/ตัน) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.75 และสูงขึ้นในรูปเงินบาทตันละ 29 บาท
หมายเหตุ : อัตราแลกเปลี่ยน 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ เท่ากับ 32.5696
2. สถานการณ์ข้าวของประเทศผู้ผลิตและผู้บริโภคที่สำคัญ
ไทย
อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ (นายอดุลย์ โชตินิสากรณ์) เปิดเผยว่า เดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมาได้มีการตกลงขายข้าวให้กับรัฐบาลจีนและรัฐบาลฟิลิปปินส์ในรูปแบบรัฐต่อรัฐ หรือ จีทูจี รวม 1.8 แสนตัน โดยข้าวที่ขายให้กับรัฐบาลจีน คณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) ได้เห็นชอบการตกลงราคาขายข้าวล็อตที่ 7 ปริมาณ 1 แสนตัน กำหนดส่งมอบไม่เกินเดือนธันวาคม 2561 และที่ผ่านมาได้ส่งมอบข้าวให้กับจีนตามสัญญาแล้ว 6 แสนตัน จากสัญญา
ที่ทำไว้รวม 1 ล้านตัน สำหรับการประมูลขายข้าวให้รัฐบาลฟิลิปปินส์เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2561 ไทยชนะการประมูลนำเข้าข้าวขาว 25% ฤดูกาลผลิตใหม่ของหน่วยงาน National Food Authority (NFA) ซึ่งเป็นหน่วยงานซื้อข้าวของฟิลิปปินส์ที่ปริมาณ 80,000 ตัน และมีกำหนดส่งมอบภายในเดือนธันวาคมนี้ รวมถึงภาคเอกชนไทยได้ชนะการประมูลนำเข้าข้าวเป็นการทั่วไปของฟิลิปปินส์อีก 144,000 ตัน จากปริมาณที่เปิดประมูลนำเข้าข้าวขาว 25% ปริมาณ 500,000 ตัน โดยมีกำหนดส่งมอบเดือนธันวาคม 2561 – มกราคม 2562 ดังนั้น ไทยต้องเตรียมส่งออกข้าวทั้งหมดรวม 324,000 ตัน ภายในเดือนมกราคม 2562 ซึ่งถือเป็นข่าวดีสำหรับชาวนาและตลาดข้าวของไทย เพราะมีคำสั่งซื้อข้าวไทยจากต่างประเทศเข้ามาอย่างต่อเนื่องในปริมาณมาก โดยตลาดต่างประเทศจะช่วยรองรับผลผลิตข้าวนาปีที่จะออกสู่ตลาดในช่วงสิ้นปีนี้ อธิบดีกล่าวต่ออีกว่า “ผู้ส่งออกข้าวจะต้องซื้อข้าวเปลือกจากชาวนาเพื่อส่งมอบข้าวปริมาณมาก
ในระยะเวลาสั้น จึงเป็นการช่วยระบายข้าวฤดูกาลใหม่ได้อย่างรวดเร็ว ส่งผลดีต่อชาวนาที่จะขายข้าวเปลือกได้ในราคาดี มีเสถียรภาพมากขึ้น และยังส่งผลดีต่อการค้าข้าวไทยทั้งระบบด้วย”
สถิติการส่งออกข้าวไทยตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 27 พฤศจิกายน 2561 ส่งออกรวม 9.89 ล้านตัน มูลค่ากว่า 1.6 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.5 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้ กรมการค้าต่างประเทศ คาดการณ์ว่าจะสามารถส่งออกข้าวไปต่างประเทศได้ 11 ล้านตัน ตามเป้าหมายปี 2561 เนื่องจากมีคำสั่งซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศแอฟริกาที่จะนำเข้าข้าวก่อนเทศกาลคริสต์มาส
ที่มา : หนังสือพิมพ์สยามธุรกิจ
กัมพูชา
นาย Sok Puthyvuth ประธานสหพันธ์ข้าวแห่งกัมพูชา (the Cambodia Rice Federation; CRF) แสดงความกังวลเกี่ยวกับมาตรการกำหนดภาษีของสหภาพยุโรปที่จะมีผลต่อการนำเข้าข้าวของกัมพูชาไปยังสหภาพยุโรป พร้อมทั้งให้ความเห็นว่า ปัจจัยภายในของสหภาพยุโรป คือ สาเหตุหลักที่ส่งผลกระทบต่อเกษตรกรในสหภาพยุโรป โดยประธานสหพันธ์ข้าวกัมพูชากล่าวว่า ความยากลำบากที่เกษตรกรในสหภาพยุโรปต้องเผชิญคือการขาดความร่วมมือระหว่าง
กลุ่มเกษตรกร ผู้แปรรูป และผู้ค้าข้าว เนื่องจากต้นทุนการผลิตที่สูงมากของประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปเป็นอุปสรรค
สำคัญในการปรับปรุงอุตสาหกรรมข้าวในยุโรป ไม่ใช่ผลจากการที่สหภาพยุโรปมีการนำเข้าข้าวกัมพูชาเป็นจำนวนมาก
ทั้งนี้ เมื่อต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ได้มีการแสดงความคิดเห็นในแต่ละภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เกี่ยวกับการเผยแพร่ประกาศของคณะกรรมาธิการสหภาพยุโรป (the European Commission) มีสาระสำคัญคือ ผู้ส่งออกข้าวเมล็ดยาว สายพันธุ์ Indica ของกัมพูชา และเมียนมาร์ จะต้องเผชิญกับมาตรการทางภาษีนำเข้าข้าวที่เพิ่มขึ้นภายใน 3 ปี ซึ่งมีการเสนอให้เก็บภาษีศุลกากร (The customs tariff duty) จากทั้ง 2 ประเทศ ในอัตรา 175 ยูโรต่อตัน (ประมาณ 198 ดอลลาร์สหรัฐ) ในปีแรก และในอัตรา 150 ยูโรต่อตัน ในปีที่ 2 และอัตรา 125 ยูโรต่อตัน ในปีที่ 3 เป็นต้นไป
อย่างไรก็ตาม สหพันธ์ข้าวแห่งกัมพูชาไม่เชื่อว่ามาตรการปกป้องการนำเข้าข้าว (safeguard measures) ของสหภาพยุโรปที่จะออกในครั้งนี้ สามารถช่วยปรับปรุงวิถีชีวิตของเกษตรกรในสหภาพยุโรป เนื่องจากข้าวกัมพูชาส่วนใหญ่ไม่ได้แข่งขันโดยตรงกับผลผลิตข้าวที่ผลิตได้ในสหภาพยุโรป ซึ่งข้าวกัมพูชาที่นำเข้าไปยังสหภาพยุโรปเป็นข้าวหอม
ในสัดส่วนร้อยละ 55 ซึ่งต่างจากข้าวของสหภาพยุโรป
ทั้งนี้ มีการประเมินว่า ผลกระทบของมาตรการภาษีศุลกากรของสหภาพยุโรปจะส่งผลกระทบต่อเกษตรกร กัมพูชามากกว่า 3 ล้านคน ซึ่งถือเป็นเรื่องที่สำคัญมาก โดยนาย Chray Son รองผู้อำนวยการบริษัท Capital Food
ประเทศกัมพูชากล่าวว่า เกษตรกรกัมพูชาจะได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากมาตรการดังกล่าว โดยให้ความเห็นว่าต้นทุนการผลิตของกัมพูชาสูงมาก ดังนั้นหากผู้นำเข้าต้องจ่ายภาษีให้กับสหภาพยุโรปจะทำให้ความสามารถในการแข่งขันในตลาดของกัมพูชาลดลง
ด้านนาย Chan Sophal ผู้อำนวยการศูนย์นโยบายศึกษา (Centre for Policy Studies) เชื่อว่ามาตรการทางภาษีของสหภาพยุโรปจะทำให้เกษตรกรกัมพูชาหันไปขายข้าวให้กับตลาดอื่นๆ ในอาเซียน โดยอุตสาหกรรมข้าวของกัมพูชา รวมทั้งเกษตรกรจะต้องหันไปพึ่งพาตลาดจากประเทศไทย และเวียดนามมากขึ้น
ที่มา : สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย
อินโดนีเซีย
รัฐบาลอินโดนีเซียวางแผนที่จะใช้มาตรการใหม่ในการจัดหาข้าว ในช่วงเดือนมกราคม 2562 เพื่อเป็นการ รับประกันว่าจะมีสต็อกข้าวเพียงพอเพื่อสำรองไว้ใช้ในประเทศและเป็นการดูดซับผลผลิตข้าวบางส่วนออกจากตลาด
ทั้งนี้ รัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจได้ให้ข้อมูลว่า ภายใต้โครงการใหม่ที่จะนำมาใช้ รัฐบาลจะอนุญาตให้ใช้เงินจากกองทุนสำรองข้าวของรัฐบาล (the government’s rice reserve; CBP) เพื่อชดเชยส่วนต่างระหว่างราคาตลาด และราคาข้าวในโครงการของรัฐบาล เช่น หากหน่วยงาน BULOG (the State Logistics Agency) ขายข้าวในราคา 8,000
รูเปียต่อกิโลกรัม () ภายใต้โครงการของรัฐบาล ขณะที่ราคาข้าวในตลาดอยู่ที่ประมาณ 10,000 รูเปียต่อกิโลกรัม (ประมาณ 695 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อตัน) หน่วยงาน BULOG จะได้รับเงินชดเชย จำนวน 2,000 รูเปียต่อกิโลกรัม (ประมาณ 139 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อตัน) จากกองทุนดังกล่าว
ที่มา : สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย
กราฟราคาที่เกษตรกรขายได้ข้าวเปลือกเจ้าความชื้น 15% และราคาขายส่งตลาด กทม. ข้าวสารเจ้า 5%
ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์
1. สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาในประเทศ
ราคาข้าวโพดภายในประเทศในช่วงสัปดาห์นี้ มีดังนี้
ราคาข้าวโพดที่เกษตรกรขายได้ความชื้นไม่เกิน 14.5 % สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 8.69 บาท เพิ่มขึ้นจากกิโลกรัมละ 8.39 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 3.58 และราคาข้าวโพดที่เกษตรกรขายได้ความชื้นเกิน 14.5 % สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 6.96 บาท เพิ่มขึ้นจากกิโลกรัมละ 6.87 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.31
ราคาข้าวโพดขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ ที่โรงงานอาหารสัตว์รับซื้อสัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ10.11 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 10.13 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.20 และราคาขายส่งไซโลรับซื้อสัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 9.61 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 9.63 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.21
ราคาส่งออก เอฟ.โอ.บี. สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 320.25 ดอลลาร์สหรัฐ (10,430 บาท/ตัน) เพิ่มขึ้นจากตันละ 319.00 ดอลลาร์สหรัฐ (10,445 บาท/ตัน) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.39 แต่ลดลงในรูปของเงินบาทตันละ 15 บาท
ราคาซื้อขายล่วงหน้าในตลาดชิคาโกเดือนธันวาคม 2561 ข้าวโพดเมล็ดเหลืองอเมริกันชั้น 2 สัปดาห์นี้เฉลี่ยบุชเชลละ 371.60 เซนต์ (4,826 บาท/ตัน) เพิ่มขึ้นจากบุชเชลละ 358.40 เซนต์ (4,681 บาท/ตัน) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 3.68 และเพิ่มขึ้นในรูปของเงินบาทตันละ 145 บาท
มันสำปะหลัง
สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
การผลิต
ผลผลิตมันสำปะหลัง ปี 2562 (เริ่มออกสู่ตลาดตั้งแต่เดือนตุลาคม 2561 – กันยายน 2562) คาดว่ามีพื้นที่เก็บเกี่ยว 8.40 ล้านไร่ ผลผลิต 29.97 ล้านตัน ผลผลลิตต่อไร่ 3.57 ตัน เมื่อเทียบกับปี 2561
ที่มีพื้นที่เก็บเกี่ยว 8.03 ล้านไร่ ผลผลิต 27.88 ล้านตัน และผลผลิตต่อไร่ 3.47 ตัน พบว่า พื้นที่เก็บเกี่ยว ผลผลิต และผลผลิตต่อไร่ สูงขึ้นร้อยละ 4.61 ร้อยละ 7.50 และร้อยละ 2.88 ตามลำดับ โดยเดือนธันวาคม 2561
คาดว่าจะมีผลผลิตออกสู่ตลาด 2.46 ล้านตัน (ร้อยละ 8.22 ของผลผลิตทั้งหมด)
ทั้งนี้ผลผลิตมันสำปะหลังปี 2562 จะออกสู่ตลาดมากในช่วงเดือนมกราคม – มีนาคม 2562 ปริมาณ 20.08 ล้านตัน (ร้อยละ 67 ของผลผลิตทั้งหมด)
การตลาด
หัวมันสำปะหลังออกสู่ตลาดเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ราคามันสำปะหลังปรับตัวลดลง แต่ยังอยู่ในเกณฑ์สูง ทำให้ลานมันเส้นเปิดดำเนินการไม่มาก เนื่องจากเมื่อผลิตเป็นมันเส้นแล้วไม่คุ้มกับการลงทุน ส่งผลให้หัวมันสำปะหลังส่วนใหญ่ไหลเข้าสู่โรงงานแป้งมันสำปะหลัง
ราคาที่เกษตรกรขายได้ทั้งประเทศประจำสัปดาห์ สรุปได้ดังนี้
ราคาหัวมันสำปะหลังสด สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 2.34 บาท ราคาลดลงจากกิโลกรัมละ 2.35 บาท ในสัปดาห์ก่อนคิดเป็นร้อยละ 0.43
ราคามันเส้น สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 5.44 บาท ราคาลดลงจากกิโลกรัมละ 2.67 บาท ในสัปดาห์ก่อนคิดเป็นร้อยละ 4.06
ราคาขายส่งในประเทศ
ราคาขายส่งมันเส้น (ส่งมอบ ณ คลังสินค้าเขต จ.ชลบุรี และ จ.อยุธยา) สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 6.35 บาท ราคาลดลงจากกิโลกรัมละ 6.44 บาท ในสัปดาห์ก่อนคิดเป็นร้อยละ 1.40
ราคาขายส่งแป้งมันสำปะหลังชั้นพิเศษ (ส่งมอบ ณ คลังสินค้าเขต กรุงเทพและปริมณฑล) สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 14.05 บาท ราคาลดลงจากกิโลกรัมละ 14.33 บาท ในสัปดาห์ก่อนคิดเป็นร้อยละ 1.95
ราคาส่งออก เอฟ.โอ.บี
ราคาส่งออกมันเส้น สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 213 ดอลลาร์สหรัฐฯ (6,937 บาทต่อตัน) ราคาทรงตัวในรูปดอลลาร์สหรัฐฯ (6,977 บาทต่อตัน) ในสัปดาห์ก่อน
ราคาส่งออกแป้งมันสำปะหลัง สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
การผลิต
ผลผลิตมันสำปะหลัง ปี 2562 (เริ่มออกสู่ตลาดตั้งแต่เดือนตุลาคม 2561 – กันยายน 2562) คาดว่ามีพื้นที่เก็บเกี่ยว 8.40 ล้านไร่ ผลผลิต 29.97 ล้านตัน ผลผลลิตต่อไร่ 3.57 ตัน เมื่อเทียบกับปี 2561
ที่มีพื้นที่เก็บเกี่ยว 8.03 ล้านไร่ ผลผลิต 27.88 ล้านตัน และผลผลิตต่อไร่ 3.47 ตัน พบว่า พื้นที่เก็บเกี่ยว ผลผลิต และผลผลิตต่อไร่ สูงขึ้นร้อยละ 4.61 ร้อยละ 7.50 และร้อยละ 2.88 ตามลำดับ โดยเดือนธันวาคม 2561
คาดว่าจะมีผลผลิตออกสู่ตลาด 2.46 ล้านตัน (ร้อยละ 8.22 ของผลผลิตทั้งหมด)
ทั้งนี้ผลผลิตมันสำปะหลังปี 2562 จะออกสู่ตลาดมากในช่วงเดือนมกราคม – มีนาคม 2562 ปริมาณ 20.08 ล้านตัน (ร้อยละ 67 ของผลผลิตทั้งหมด)
การตลาด
หัวมันสำปะหลังออกสู่ตลาดเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ราคามันสำปะหลังปรับตัวลดลง แต่ยังอยู่ในเกณฑ์สูง ทำให้ลานมันเส้นเปิดดำเนินการไม่มาก เนื่องจากเมื่อผลิตเป็นมันเส้นแล้วไม่คุ้มกับการลงทุน ส่งผลให้หัวมันสำปะหลังส่วนใหญ่ไหลเข้าสู่โรงงานแป้งมันสำปะหลัง
ราคาที่เกษตรกรขายได้ทั้งประเทศประจำสัปดาห์ สรุปได้ดังนี้
ราคาหัวมันสำปะหลังสด สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 2.34 บาท ราคาลดลงจากกิโลกรัมละ 2.35 บาท ในสัปดาห์ก่อนคิดเป็นร้อยละ 0.43
ราคามันเส้น สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 5.44 บาท ราคาลดลงจากกิโลกรัมละ 2.67 บาท ในสัปดาห์ก่อนคิดเป็นร้อยละ 4.06
ราคาขายส่งในประเทศ
ราคาขายส่งมันเส้น (ส่งมอบ ณ คลังสินค้าเขต จ.ชลบุรี และ จ.อยุธยา) สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 6.35 บาท ราคาลดลงจากกิโลกรัมละ 6.44 บาท ในสัปดาห์ก่อนคิดเป็นร้อยละ 1.40
ราคาขายส่งแป้งมันสำปะหลังชั้นพิเศษ (ส่งมอบ ณ คลังสินค้าเขต กรุงเทพและปริมณฑล) สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 14.05 บาท ราคาลดลงจากกิโลกรัมละ 14.33 บาท ในสัปดาห์ก่อนคิดเป็นร้อยละ 1.95
ราคาส่งออก เอฟ.โอ.บี
ราคาส่งออกมันเส้น สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 213 ดอลลาร์สหรัฐฯ (6,937 บาทต่อตัน) ราคาทรงตัวในรูปดอลลาร์สหรัฐฯ (6,977 บาทต่อตัน) ในสัปดาห์ก่อน
ราคาส่งออกแป้งมันสำปะหลัง สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
ปาล์มน้ำมัน
อ้อยและน้ำตาล
ถั่วเหลือง
ยางพารา
สับปะรด
ถั่วเขียว
สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ถั่วเขียวผิวมันเมล็ดใหญ่คละ สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 21.83 บาท สูงขึ้นจากราคากิโลกรัมละ 21.90 บาท
ของสัปดาห์ก่อน ร้อยละ 0.32
ถั่วเขียวผิวมันเมล็ดเล็กคละ และถั่วเขียวผิวดำคละ สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ถั่วเขียวผิวมันเกรดเอ สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 25.75 บาท สูงขึ้นจากราคากิโลกรัมละ 25.00 บาท ของสัปดาห์ก่อน ร้อยละ 3.00
ถั่วเขียวผิวมันเกรดบี สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 22.75 บาท สูงขึ้นจากราคากิโลกรัมละ 22.00 บาท ของสัปดาห์ก่อน ร้อยละ 3.41
ถั่วเขียวผิวดำ ชั้น 1 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 23.25 บาท สูงขึ้นจากราคากิโลกรัมละ 18.00 บาท ของสัปดาห์ก่อน ร้อยละ 29.17
ถั่วเขียวผิวดำ ชั้น 2 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 15.25 บาท สูงขึ้นจากราคากิโลกรัมละ 13.00 บาท ของสัปดาห์ก่อน ร้อย 17.31
ถั่วนิ้วนางแดง สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 25.75 บาท สูงขึ้นจากราคากิโลกรัมละ 25.00 บาท ของสัปดาห์ก่อน ร้อยละ 3.00
ราคาส่งออก เอฟ.โอ.บี
ถั่วเขียวผิวมันเกรดเอ สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 819.25 ดอลลาร์สหรัฐ (26.68 บาท/กิโลกรัม) สูงขึ้นจากตันละ 792.20 ดอลลาร์สหรัฐ (25.94 บาท/กิโลกรัม) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 3.41 และสูงขึ้นในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.74 บาท
ถั่วเขียวผิวมันเกรดบี สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 726.75 ดอลลาร์สหรัฐ (23.67 บาท/กิโลกรัม) สูงขึ้นจากตันละ 700.00 ดอลลาร์สหรัฐ (22.92 บาท/กิโลกรัม) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 3.82 และสูงขึ้นในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.75 บาท
ถั่วเขียวผิวดำ ชั้น 1 สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 742.25 ดอลลาร์สหรัฐ (24.17 บาท/กิโลกรัม) สูงขึ้นจากตันละ 577.00 ดอลลาร์สหรัฐ (18.89 บาท/กิโลกรัม) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 28.64 และสูงขึ้นในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 5.30 บาท
ถั่วเขียวผิวดำ ชั้น 2 สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 495.25 ดอลลาร์สหรัฐ (16.13 บาท/กิโลกรัม) สูงขึ้นจากตันละ 423.60 ดอลลาร์สหรัฐ (13.87 บาท/กิโลกรัม) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 16.91 และสูงขึ้นในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 2.26 บาท
ถั่วนิ้วนางแดง สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 812.75 ดอลลาร์สหรัฐ (26.47 บาท/กิโลกรัม) สูงขึ้นจากตันละ 786.20 ดอลลาร์สหรัฐ (25.74 บาท/กิโลกรัม) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 3.38 และสูงขึ้นในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.73 บาท
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ถั่วเขียวผิวมันเมล็ดใหญ่คละ สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 21.83 บาท สูงขึ้นจากราคากิโลกรัมละ 21.90 บาท
ของสัปดาห์ก่อน ร้อยละ 0.32
ถั่วเขียวผิวมันเมล็ดเล็กคละ และถั่วเขียวผิวดำคละ สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ถั่วเขียวผิวมันเกรดเอ สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 25.75 บาท สูงขึ้นจากราคากิโลกรัมละ 25.00 บาท ของสัปดาห์ก่อน ร้อยละ 3.00
ถั่วเขียวผิวมันเกรดบี สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 22.75 บาท สูงขึ้นจากราคากิโลกรัมละ 22.00 บาท ของสัปดาห์ก่อน ร้อยละ 3.41
ถั่วเขียวผิวดำ ชั้น 1 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 23.25 บาท สูงขึ้นจากราคากิโลกรัมละ 18.00 บาท ของสัปดาห์ก่อน ร้อยละ 29.17
ถั่วเขียวผิวดำ ชั้น 2 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 15.25 บาท สูงขึ้นจากราคากิโลกรัมละ 13.00 บาท ของสัปดาห์ก่อน ร้อย 17.31
ถั่วนิ้วนางแดง สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 25.75 บาท สูงขึ้นจากราคากิโลกรัมละ 25.00 บาท ของสัปดาห์ก่อน ร้อยละ 3.00
ราคาส่งออก เอฟ.โอ.บี
ถั่วเขียวผิวมันเกรดเอ สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 819.25 ดอลลาร์สหรัฐ (26.68 บาท/กิโลกรัม) สูงขึ้นจากตันละ 792.20 ดอลลาร์สหรัฐ (25.94 บาท/กิโลกรัม) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 3.41 และสูงขึ้นในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.74 บาท
ถั่วเขียวผิวมันเกรดบี สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 726.75 ดอลลาร์สหรัฐ (23.67 บาท/กิโลกรัม) สูงขึ้นจากตันละ 700.00 ดอลลาร์สหรัฐ (22.92 บาท/กิโลกรัม) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 3.82 และสูงขึ้นในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.75 บาท
ถั่วเขียวผิวดำ ชั้น 1 สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 742.25 ดอลลาร์สหรัฐ (24.17 บาท/กิโลกรัม) สูงขึ้นจากตันละ 577.00 ดอลลาร์สหรัฐ (18.89 บาท/กิโลกรัม) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 28.64 และสูงขึ้นในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 5.30 บาท
ถั่วเขียวผิวดำ ชั้น 2 สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 495.25 ดอลลาร์สหรัฐ (16.13 บาท/กิโลกรัม) สูงขึ้นจากตันละ 423.60 ดอลลาร์สหรัฐ (13.87 บาท/กิโลกรัม) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 16.91 และสูงขึ้นในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 2.26 บาท
ถั่วนิ้วนางแดง สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 812.75 ดอลลาร์สหรัฐ (26.47 บาท/กิโลกรัม) สูงขึ้นจากตันละ 786.20 ดอลลาร์สหรัฐ (25.74 บาท/กิโลกรัม) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 3.38 และสูงขึ้นในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.73 บาท
ถั่วลิสง
สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
ความเคลื่อนไหวของราคาประจำสัปดาห์ มีดังนี้
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาถั่วลิสงทั้งเปลือกแห้ง สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 38.75 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 47.83 บาท
ของสัปดาห์ก่อน ร้อยละ 18.98
ราคาถั่วลิสงทั้งเปลือกสด สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 20.30 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 20.24 บาท
ของสัปดาห์ก่อน ร้อยละ 0.30
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาถั่วลิสงกะเทาะเปลือกชนิดคัดพิเศษ สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 60.00 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ราคาถั่วลิสงกะเทาะเปลือกชนิดคัดธรรมดา สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 51.00 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ความเคลื่อนไหวของราคาประจำสัปดาห์ มีดังนี้
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาถั่วลิสงทั้งเปลือกแห้ง สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 38.75 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 47.83 บาท
ของสัปดาห์ก่อน ร้อยละ 18.98
ราคาถั่วลิสงทั้งเปลือกสด สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 20.30 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 20.24 บาท
ของสัปดาห์ก่อน ร้อยละ 0.30
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาถั่วลิสงกะเทาะเปลือกชนิดคัดพิเศษ สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 60.00 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ราคาถั่วลิสงกะเทาะเปลือกชนิดคัดธรรมดา สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 51.00 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ฝ้าย
1. สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
ราคาที่เกษตรกรขายได้
ราคาฝ้ายรวมเมล็ดชนิดคละ สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
ราคาซื้อ-ขายล่วงหน้าตลาดนิวยอร์ก (New York Cotton Futures)
ราคาซื้อ-ขายล่วงหน้า เพื่อส่งมอบเดือนมีนาคม 2562 สัปดาห์นี้เฉลี่ยปอนด์ละ 79.78 เซนต์(กิโลกรัมละ 58.02 บาท) สูงขึ้นจากปอนด์ละ 77.79 เซนต์ (กิโลกรัมละ 56.90 บาท) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 2.56และสูงขึ้นในรูปของเงินบาทกิโลกรัมละ 1.12 บาท
ไหม
ราคาเส้นไหมพื้นเมืองเกรด 1 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 1,678 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 1,684 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 0.36
ราคาเส้นไหมพื้นเมืองเกรด 2 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 1,306 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 1,252 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 4.31
ราคาเส้นไหมพื้นเมืองเกรด 3 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 837 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาเส้นไหมพื้นเมืองเกรด 2 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 1,306 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 1,252 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 4.31
ราคาเส้นไหมพื้นเมืองเกรด 3 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 837 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
ปศุสัตว์
สุกร
สถานการณ์การผลิต การค้า และราคาในประเทศ
ภาวะตลาดสุกรสัปดาห์นี้ ราคาสุกรมีชีวิตที่เกษตรกรขายได้เริ่มสูงขึ้นเล็กน้อยจากสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากความต้องการบริโภคเนื้อสุกรที่เริ่มมีมากขึ้นและใกล้เคียงกับปริมาณผลผลิตสุกรในท้องตลาด แนวโน้มสัปดาห์หน้าคาดว่าราคาจะทรงตัว
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
สุกรมีชีวิตพันธุ์ผสมน้ำหนัก 100 กิโลกรัมขึ้นไป ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ กิโลกรัมละ 60.53 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 60.43 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 0.17 โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 58.75 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กิโลกรัมละ 57.46 บาท ภาคกลาง กิโลกรัมละ 62.18 บาท และภาคใต้ กิโลกรัมละ 59.66 บาท ส่วนราคาลูกสุกรตามประกาศของบริษัท ซี.พี. ในสัปดาห์นี้ ตัวละ 1,700 (บวกลบ 60 บาท) ลดลงจากตัวละ 1,800 บาท (บวกลบ 64 บาท) ของสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 5.56
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งสุกรมีชีวิต ณ แหล่งผลิตภาคกลาง จากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยกิโลกรัมละ 63.50 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 65.50 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 3.05
ภาวะตลาดสุกรสัปดาห์นี้ ราคาสุกรมีชีวิตที่เกษตรกรขายได้เริ่มสูงขึ้นเล็กน้อยจากสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากความต้องการบริโภคเนื้อสุกรที่เริ่มมีมากขึ้นและใกล้เคียงกับปริมาณผลผลิตสุกรในท้องตลาด แนวโน้มสัปดาห์หน้าคาดว่าราคาจะทรงตัว
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
สุกรมีชีวิตพันธุ์ผสมน้ำหนัก 100 กิโลกรัมขึ้นไป ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ กิโลกรัมละ 60.53 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 60.43 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 0.17 โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 58.75 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กิโลกรัมละ 57.46 บาท ภาคกลาง กิโลกรัมละ 62.18 บาท และภาคใต้ กิโลกรัมละ 59.66 บาท ส่วนราคาลูกสุกรตามประกาศของบริษัท ซี.พี. ในสัปดาห์นี้ ตัวละ 1,700 (บวกลบ 60 บาท) ลดลงจากตัวละ 1,800 บาท (บวกลบ 64 บาท) ของสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 5.56
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งสุกรมีชีวิต ณ แหล่งผลิตภาคกลาง จากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยกิโลกรัมละ 63.50 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 65.50 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 3.05
ไก่เนื้อ
สถานการณ์การผลิต การค้า และราคาในประเทศ
สถานการณ์ตลาดไก่เนื้อสัปดาห์นี้ ราคาไก่เนื้อที่เกษตรกรขายได้ค่อนข้างทรงตัวจากสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากผลผลิตไก่เนื้อออกสู่ตลาดใกล้เคียงกับความต้องการบริโภคเริ่มมีมากขึ้นเล็กน้อย แนวโน้มคาดว่าสัปดาห์หน้าราคาจะทรงตัว
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาไก่เนื้อที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ กิโลกรัมละ 33.22 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 33.17 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 0.15 โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 30.00 บาท ภาคกลาง กิโลกรัมละ 32.96 บาท ภาคใต้ กิโลกรัมละ 39.86 บาท และภาคตะวันออกเฉียงเหนือไม่มีรายงาน ส่วนราคาลูกไก่เนื้อตามประกาศของบริษัท ซี.พี ในสัปดาห์นี้ ตัวละ 10.50 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งไก่มีชีวิตหน้าโรงฆ่า จากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยกิโลกรัมละ 32.50 บาท และราคาขายส่งไก่สดทั้งตัวรวมเครื่องใน เฉลี่ยกิโลกรัมละ 44.50 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
สถานการณ์ตลาดไก่เนื้อสัปดาห์นี้ ราคาไก่เนื้อที่เกษตรกรขายได้ค่อนข้างทรงตัวจากสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากผลผลิตไก่เนื้อออกสู่ตลาดใกล้เคียงกับความต้องการบริโภคเริ่มมีมากขึ้นเล็กน้อย แนวโน้มคาดว่าสัปดาห์หน้าราคาจะทรงตัว
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาไก่เนื้อที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ กิโลกรัมละ 33.22 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 33.17 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 0.15 โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 30.00 บาท ภาคกลาง กิโลกรัมละ 32.96 บาท ภาคใต้ กิโลกรัมละ 39.86 บาท และภาคตะวันออกเฉียงเหนือไม่มีรายงาน ส่วนราคาลูกไก่เนื้อตามประกาศของบริษัท ซี.พี ในสัปดาห์นี้ ตัวละ 10.50 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งไก่มีชีวิตหน้าโรงฆ่า จากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยกิโลกรัมละ 32.50 บาท และราคาขายส่งไก่สดทั้งตัวรวมเครื่องใน เฉลี่ยกิโลกรัมละ 44.50 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
ไข่ไก่
สถานการณ์การผลิต การค้า และราคาในประเทศ
สถานการณ์ตลาดไข่ไก่สัปดาห์นี้ ราคาไข่ไก่ที่เกษตรกรขายได้ลดลงเล็กน้อยจากสัปดาห์ที่ผ่านมา แม้ว่าจะเข้าสู่ช่วงเทศกาลต่างๆ คาดว่าความต้องการบริโภคจะเพิ่มขึ้น แต่จากผลผลิตไข่ไก่ออกสู่ตลาดค่อนข้างมาก ส่งผลให้ราคาไข่ไก่ที่เกษตรกรขายได้ลดลงเล็กน้อย แนวโน้มคาดว่าสัปดาห์หน้าราคาจะทรงตัวหรือลดลงเล็กน้อย
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาไข่ไก่ที่เกษตรกรขายได้ เฉลี่ยทั้งประเทศร้อยฟองละ 263 บาท ลดลงจากร้อยฟองละ 269 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 2.23 โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ ร้อยฟองละ 292 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร้อยฟองละ 275 บาท ภาคกลางร้อยฟองละ 251 บาท และภาคใต้ไม่มีรายงาน ส่วนราคาลูกไก่ไข่ตามประกาศของบริษัท ซี.พี. ในสัปดาห์นี้ ตัวละ 11.00 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งไข่ไก่ (เฉลี่ยเบอร์ 0-4) ในตลาดกรุงเทพฯจากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยร้อยฟองละ 281 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
สถานการณ์ตลาดไข่ไก่สัปดาห์นี้ ราคาไข่ไก่ที่เกษตรกรขายได้ลดลงเล็กน้อยจากสัปดาห์ที่ผ่านมา แม้ว่าจะเข้าสู่ช่วงเทศกาลต่างๆ คาดว่าความต้องการบริโภคจะเพิ่มขึ้น แต่จากผลผลิตไข่ไก่ออกสู่ตลาดค่อนข้างมาก ส่งผลให้ราคาไข่ไก่ที่เกษตรกรขายได้ลดลงเล็กน้อย แนวโน้มคาดว่าสัปดาห์หน้าราคาจะทรงตัวหรือลดลงเล็กน้อย
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาไข่ไก่ที่เกษตรกรขายได้ เฉลี่ยทั้งประเทศร้อยฟองละ 263 บาท ลดลงจากร้อยฟองละ 269 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 2.23 โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ ร้อยฟองละ 292 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร้อยฟองละ 275 บาท ภาคกลางร้อยฟองละ 251 บาท และภาคใต้ไม่มีรายงาน ส่วนราคาลูกไก่ไข่ตามประกาศของบริษัท ซี.พี. ในสัปดาห์นี้ ตัวละ 11.00 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งไข่ไก่ (เฉลี่ยเบอร์ 0-4) ในตลาดกรุงเทพฯจากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยร้อยฟองละ 281 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
ไข่เป็ด
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาไข่เป็ดที่เกษตรกรขายได้ เฉลี่ยทั้งประเทศร้อยฟองละ 322 บาท ลดลงจากร้อยฟองละ 323 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 0.31 โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ ร้อยฟองละ 336 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร้อยฟองละ 336 บาท ภาคกลาง ร้อยฟองละ 292 บาท และภาคใต้ ร้อยฟองละ 350 บาท
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งไข่เป็ดคละ ณ แหล่งผลิตภาคกลาง จากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยร้อยฟองละ 340 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาไข่เป็ดที่เกษตรกรขายได้ เฉลี่ยทั้งประเทศร้อยฟองละ 322 บาท ลดลงจากร้อยฟองละ 323 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 0.31 โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ ร้อยฟองละ 336 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร้อยฟองละ 336 บาท ภาคกลาง ร้อยฟองละ 292 บาท และภาคใต้ ร้อยฟองละ 350 บาท
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งไข่เป็ดคละ ณ แหล่งผลิตภาคกลาง จากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยร้อยฟองละ 340 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
โคเนื้อ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาโคพันธุ์ลูกผสม (ขนาดกลาง) ที่เกษตรกรขายได้ เฉลี่ยทั้งประเทศกิโลกรัมละ 88.82 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 89.02 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 0.22 โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 90.05 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กิโลกรัมละ 82.40 บาท ภาคกลาง กิโลกรัมละ 90.57 บาท และภาคใต้กิโลกรัมละ 101.01 บาท
ราคาโคพันธุ์ลูกผสม (ขนาดกลาง) ที่เกษตรกรขายได้ เฉลี่ยทั้งประเทศกิโลกรัมละ 88.82 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 89.02 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 0.22 โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 90.05 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กิโลกรัมละ 82.40 บาท ภาคกลาง กิโลกรัมละ 90.57 บาท และภาคใต้กิโลกรัมละ 101.01 บาท
กระบือ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคากระบือ (ขนาดกลาง) ที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศกิโลกรัมละ 68.96 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 68.12 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 1.23 โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 90.49 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กิโลกรัมละ 64.78 บาท ภาคกลางและภาคใต้ไม่มีรายงานราคา
ราคากระบือ (ขนาดกลาง) ที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศกิโลกรัมละ 68.96 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 68.12 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 1.23 โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 90.49 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กิโลกรัมละ 64.78 บาท ภาคกลางและภาคใต้ไม่มีรายงานราคา
ประมง
ตารางประมง ราคาเกษตรกรขายได้ ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ และราคาส่งออก เอฟ.โอ.บี