- ข้อมูลเศรษฐกิจการเกษตร
- ภาวะเศรษฐกิจการเกษตร
- รายละเอียดภาวะเศรษฐกิจการเกษตร
ข้อมูลเศรษฐกิจการเกษตร
สถานการณ์การผลิตและการตลาดรายสัปดาห์ 2 - 8 ก.พ.61
ปริมาณผลผลิตสับปะรดที่ออกสู่ตลาดเดือนกุมภาพันธ์ 2561 ประมาณ 0.229 ล้านตัน หรือร้อยละ 9.29 ของปริมาณผลผลิตรวม 2.462 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจากปริมาณ 0.129 ล้านตัน ของเดือนที่ผ่านมาร้อยละ 77.51 และเพิ่มขึ้นจากปริมาณ 0.192 ล้านตัน ในช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาร้อยละ 19.27
ปี 2560 มีการส่งออกสับปะรดสดและผลิตภัณฑ์ปริมาณรวม 1.944 ล้านตันสด เพิ่มขึ้นจากปริมาณ 1.790 ล้านตันสด ในปี 2559 หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 8.60
ช่วงนี้มีผลผลิตสับปะรดออกสู่ตลาดประมาณวันละ 6,000 ตัน ขณะที่โรงงานแปรรูปสับปะรดมีความต้องการวัตถุดิบอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้โรงงานแปรรูปปรับราคารับซื้อเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยราคาที่เกษตรกรขายได้ ดังนี้
- สับปะรดโรงงานกิโลกรัมละ 3.96 บาท เพิ่มขึ้นจากกิโลกรัมละ 3.68 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 7.61 และลดลงจากกิโลกรัมละ 6.53 บาท ในช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาร้อยละ 39.35
- สับปะรดบริโภคกิโลกรัมละ 9.15 เพิ่มขึ้นจากกิโลกรัมละ 8.58 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 6.64 และลดลงจากกิโลกรัมละ 13.64 บาท ในช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาร้อยละ 32.19
ฝ้าย
1. สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
ราคาที่เกษตรกรขายได้
ราคาฝ้ายรวมเมล็ดชนิดคละ สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
ราคาซื้อ-ขายล่วงหน้าตลาดนิวยอร์ก (New York Cotton Futures)
ราคาซื้อ-ขายล่วงหน้า เพื่อส่งมอบเดือนมีนาคม 2561 สัปดาห์นี้เฉลี่ยปอนด์ละ 76.53 เซนต์ (กิโลกรัมละ 53.47 บาท) ลดลงจากปอนด์ละ 78.30 เซนต์ (กิโลกรัมละ 54.43 บาท) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 2.26 และลดลงในรูปของเงินบาทกิโลกรัมละ 0.96 บาท
ถั่วลิสง
สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
ความเคลื่อนไหวของราคาประจำสัปดาห์ มีดังนี้
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาถั่วลิสงทั้งเปลือกแห้ง สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 39.00 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ราคาถั่วลิสงทั้งเปลือกสด สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 27.28 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 26.48 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 3.02
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาถั่วลิสงกะเทาะเปลือกชนิดคัดพิเศษ สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 60.00 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ราคาถั่วลิสงกะเทาะเปลือกชนิดคัดธรรมดา สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 51.00 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ถั่วเหลือง
1. สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาถั่วเหลืองชนิดคละ สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 17.00 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 16.14 บาท ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 5.33
ราคาขายส่งถั่วเหลืองสกัดน้ำมัน สัปดาห์นี้เฉลี่ย กก.ละ 18.50 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาขายส่งกากถั่วเหลืองใน สัปดาห์นี้เฉลี่ย กก.ละ 20.50 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
การส่งออกถั่วเหลืองในปัจจุบัน
ราคาในตลาดต่างประเทศ (ตลาดชิคาโก)
ราคาซื้อขายล่วงหน้าเมล็ดถั่วเหลือง สัปดาห์นี้เฉลี่ยบุชเชลละ 981.00 เซนต์ (11.42 บาท/กก.) ลดลงจากบุชเชลละ 991.52 เซนต์ ( 11.49 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 1.06
ราคาซื้อขายล่วงหน้ากากถั่วเหลือง สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 333.44 ดอลลาร์สหรัฐฯ (10.57 บาท/กก.) ลดลงจากตันละ 337.08 ดอลลาร์สหรัฐฯ (10.63 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 1.08
ราคาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันถั่วเหลืองสัปดาห์นี้เฉลี่ยปอนด์ละ 32.59 เซนต์ (22.76 บาท/กก.) ลดลงจากปอนด์ละ 32.94 เซนต์ (22.90 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 1.06
ถั่วเขียว
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ถั่วเขียวผิวมันเมล็ดใหญ่คละ สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 18.01 บาท สูงขึ้นจากราคากิโลกรัมละ 15.37 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 17.18
ถั่วเขียวผิวมันเมล็ดเล็กคละ และถั่วเขียวผิวดำคละ สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
ถั่วเขียวผิวมันเกรดบี สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 20.00 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ถั่วเขียวผิวดำ ชั้น 1 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 16.00 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ถั่วเขียวผิวดำ ชั้น 2 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 12.00 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ถั่วนิ้วนางแดง สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 24.00 บาท สูงขึ้นจากราคากิโลกรัมละ 22.40 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 7.14
ถั่วเขียวผิวมันเกรดเอ สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 799.40 ดอลลาร์สหรัฐ (25.01 บาท/กิโลกรัม) ลดลงจากตันละ 801.00 ดอลลาร์สหรัฐ (24.94 บาท/กิโลกรัม) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.20 แต่สูงขึ้นในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.07 บาท
ถั่วเขียวผิวมันเกรดบี สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 670.40 ดอลลาร์สหรัฐ (20.97 บาท/กิโลกรัม) ลดลงจากตันละ 671.80 ดอลลาร์สหรัฐ (20.91 บาท/กิโลกรัม) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.21 แต่สูงขึ้นในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.06 บาท
ถั่วเขียวผิวดำ ชั้น 1 สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 541.40 ดอลลาร์สหรัฐ (16.93 บาท/กิโลกรัม) ลดลงจากตันละ 543.00 ดอลลาร์สหรัฐ (16.91 บาท/กิโลกรัม) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.29 แต่สูงขึ้นในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.02 บาท
ถั่วเขียวผิวดำ ชั้น 2 สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 412.40 ดอลลาร์สหรัฐ (12.90 บาท/กิโลกรัม) ลดลงจากตันละ 413.40 ดอลลาร์สหรัฐ (12.87 บาท/กิโลกรัม) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.24 แต่สูงขึ้นในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.03 บาท
ถั่วนิ้วนางแดง สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 792.80 ดอลลาร์สหรัฐ (24.80 บาท/กิโลกรัม) สูงขึ้นจากตันละ 742.80 ดอลลาร์สหรัฐ (23.13 บาท/กิโลกรัม) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 6.73 และสูงขึ้นในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 1.67 บาท
ไหม
ราคาเส้นไหมพื้นเมืองเกรด 1 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 1,616 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาเส้นไหมพื้นเมืองเกรด 2 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 1,263 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 1,262 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 0.08
ราคาเส้นไหมพื้นเมืองเกรด 3 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 1,147 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
ตารางราคาเกษตรกรขายได้ ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ และราคาส่งออก เอฟ.โอ.บี
ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์
1. สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาในประเทศ
ราคาข้าวโพดภายในประเทศในช่วงสัปดาห์นี้ มีดังนี้
ราคาข้าวโพดที่เกษตรกรขายได้ความชื้นไม่เกิน 14.5 % สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 8.24 บาท เพิ่มขึ้นจากกิโลกรัมละ 8.22 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.24 และราคาข้าวโพดที่เกษตรกรขายได้ความชื้นเกิน 14.5 % สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 6.89 บาท เพิ่มขึ้นจากกิโลกรัมละ 6.81 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.17
ราคาข้าวโพดขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ ที่โรงงานอาหารสัตว์รับซื้อสัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 9.66 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 9.68 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.21 และราคาขายส่งไซโลรับซื้อสัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 9.05 บาท เพิ่มขึ้นจากกิโลกรัมละ 8.91 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.57
ราคาส่งออก เอฟ.โอ.บี. สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 319.80 ดอลลาร์สหรัฐ (10,003 บาท/ตัน) ลดลงจากตันละ 321.00 ดอลลาร์สหรัฐ (9,994 บาท/ตัน) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.37 แต่เพิ่มขึ้นในรูปของเงินบาทตันละ 9.00 บาท
ราคาซื้อขายล่วงหน้าในตลาดชิคาโกเดือนมีนาคม 2561 ข้าวโพดเมล็ดเหลืองอเมริกันชั้น 2 สัปดาห์นี้เฉลี่ยบุชเชลละ 362.84 เซนต์ (4,527 บาท/ตัน) เพิ่มขึ้นจากบุชเชลละ 359.88 เซนต์ (4,470 บาท/ตัน) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.82 และเพิ่มขึ้นในรูปของเงินบาทตันละ 57.00 บาท
1. สถานการณ์การผลิต การตลาดและราคาในประเทศ
การผลิต
ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา (ระหว่างวันที่ 2 – 8 กุมภาพันธ์ 2561 ) ไม่มีรายงานปริมาณจากองค์การสะพานปลากรุงเทพฯ
การตลาด
ความเคลื่อนไหวของราคาสัตว์น้ำที่สำคัญประจำสัปดาห์นี้มีดังนี้ คือ
2.1 ปลาดุกบิ๊กอุย ราคาที่ชาวประมงขายได้ ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 43.38 บาท ราคาเพิ่มขึ้นจากกิโลกรัมละ 43.20 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 0.18 บาท
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 70.00 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
2.2 ปลาช่อน ราคาที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 85.47 บาท ราคาเพิ่มขึ้นจากกิโลกรัมละ 84.46 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 1.01 บาท
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 120.00 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
2.3 กุ้งกุลาดำ ราคาที่ชาวประมงขายได้ขนาดกลาง (60 ตัว/กก.) สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
สำหรับราคา ณ ตลาดกลางกุ้งสมุทรสาครขนาดกลาง (60 ตัว/กก.) สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
2.4 กุ้งขาวแวนนาไม ราคาที่ชาวประมงขายได้ขนาดกลาง (60 ตัว/กก.) เฉลี่ยกิโลกรัมละ 186.62 บาท ราคาเพิ่มขึ้นจากกิโลกรัมละ 185.52 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 1.10 บาท
สำหรับราคา ณ ตลาดกลางกุ้งสมุทรสาครขนาดกลาง (60ตัว/กก.) ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 185.00บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
2.5 ปลาทู ปลาทูสดขนาดกลาง ราคาที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 77.43 บาท ราคาเพิ่มขึ้นจากกิโลกรัมละ 71.64 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 5.79 บาท
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 85.00 บาท
ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
2.6 ปลาหมึก ราคาปลาหมึกกระดองสดที่ชาวประมงขายได้ ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 175.00 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 200.00 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
2.7 ปลาเป็ดและปลาป่น ราคาปลาเป็ดที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 8.16 บาท ราคาราคาลดลงจากกิโลกรัมละ 8.27 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 0.11 บาท
สำหรับราคาขายส่งปลาป่นชนิดโปรตีนต่ำกว่า 60% (ระหว่างวันที่ 2 – 8 ก.พ. 2561) ราคาเฉลี่กิโลกรัมละ 34.00 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านม
มันสำปะหลัง
การผลิต
ผลผลิตมันสำปะหลัง ปี 2561 (เริ่มออกสู่ตลาดตั้งแต่เดือนตุลาคม 2560 – กันยายน 2561) คาดว่ามีพื้นที่เก็บเกี่ยว 8.07 ล้านไร่ ผลผลิต 28.57 ล้านตัน ผลผลลิตต่อไร่ 3.54 ตัน เมื่อเทียบกับปี 2560
ที่มีพื้นที่เก็บเกี่ยว 8.91 ล้านไร่ ผลผลิต 30.94 ล้านตัน และผลผลิตต่อไร่ 3.47 ตัน พบว่า พื้นที่เก็บเกี่ยวและผลผลิตลดลงร้อยละ 9.43 และ 7.66 ตามลำดับ ส่วนผลผลิตต่อไร่สูงขึ้นร้อยละ 2.02 โดยเดือนกุมภาพันธ์ 2561
คาดว่าจะมีผลผลิตออกสู่ตลาด 5.32 ล้านตัน (ร้อยละ 18.61 ของผลผลิตทั้งหมด)ทั้งนี้ผลผลิตมันสำปะหลังปี 2561 ออกสู่ตลาดแล้ว (เดือนตุลาคม 2560 -มกราคม 2561) ปริมาณ 9.60 ล้านตัน (ร้อยละ 33.56 ของผลผลิตทั้งหมด)
การตลาด
ผลผลิตออกสู่ตลาดมาก แต่ไม่เพียงพอต่อความต้องการของผู้ประกอบการมันสำปะหลัง ประกอบกับราคาส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้ราคาที่เกษตรกรขายได้ปรับตัวสูงขึ้นด้วย
ราคาที่เกษตรกรขายได้ทั้งประเทศประจำสัปดาห์ สรุปได้ดังนี้
ราคาหัวมันสำปะหลังสด สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 2.07 บาท ราคาสูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 2.06 บาท ในสัปดาห์ก่อนคิดเป็นร้อยละ 0.49
ราคามันเส้น สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 4.99 บาท ราคาทรงตัวไม่เปลี่ยนแปลงจากสัปดาห์ก่อน
ราคาขายส่งในประเทศ
ราคาขายส่งมันเส้น (ส่งมอบ ณ คลังสินค้าเขต จ.ชลบุรี และ จ.อยุธยา) สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 6.33 บาท ราคาสูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 6.31 บาท ในสัปดาห์ก่อนคิดเป็นร้อยละ 0.32
ราคาขายส่งแป้งมันสำปะหลังชั้นพิเศษ (ส่งมอบ ณ คลังสินค้าเขต กรุงเทพและปริมณฑล) สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 13.54 บาท ราคาสูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 13.37 บาท ในสัปดาห์ก่อนคิดเป็นร้อยละ 1.27
ราคาส่งออก เอฟ.โอ.บี
ราคาส่งออกมันเส้น สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 219 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือตันละ 6,850 บาท
ราคาสูงขึ้นในรูปเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ตันละ 4 ดอลลาร์สหรัฐฯ และสูงขึ้นในรูปเงินบาทตันละ 156 บาท
ราคาส่งออกแป้งมันสำปะหลัง สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 455 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือตันละ 14,232 บาท
ราคาทรงตัวในรูปเงินดอลลาร์สหรัฐฯ และสูงขึ้นในรูปเงินบาทตันละ 67 บาท
ปศุสัตว์
สถานการณ์การผลิต การค้า และราคาในประเทศ
ภาวะตลาดสุกรสัปดาห์นี้ ราคาสุกรมีชีวิตที่เกษตรกรขายได้เริ่มปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อยจากสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากความต้องการบริโภคเนื้อสุกรใกล้เคียงและสอดรับกับความต้องการบริโภคที่ค่อนข้างทรงตัว แนวโน้มสัปดาห์หน้าคาดว่าราคาจะทรงตัว
สุกรมีชีวิตพันธุ์ผสมน้ำหนัก 100 กิโลกรัมขึ้นไป ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ กิโลกรัมละ 48.36 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 48.26 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 0.21 โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 46.97 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กิโลกรัมละ 48.04 บาท ภาคกลาง กิโลกรัมละ 49.71 บาท และภาคใต้ กิโลกรัมละ 43.34 บาท ส่วนราคาลูกสุกรตามประกาศของบริษัท ซี.พี. ในสัปดาห์นี้ ตัวละ 1,300 (บวกลบ 46 บาท) ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งสุกรมีชีวิต ณ แหล่งผลิตภาคกลาง จากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยกิโลกรัมละ 49.50 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
ไก่เนื้อ
สถานการณ์การผลิต การค้า และราคาในประเทศ
ในสัปดาห์นี้ ราคาไก่เนื้อที่เกษตรกรขายได้ค่อนข้างทรงตัวจากสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากความต้องการบริโภคเนื้อไก่ใกล้เคียงกับความต้องการบริโภคที่ชะลอตัวลงเล็กน้อย แนวโน้มคาดว่าสัปดาห์หน้าราคาจะทรงตัว
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาไก่เนื้อที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ กิโลกรัมละ 36.79 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 37.00 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 0.57 โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 35.00 บาท ภาคกลาง กิโลกรัมละ 36.69 บาท ภาคใต้ กิโลกรัมละ 40.00 บาท และภาคตะวันออกเฉียงเหนือไม่มีรายงาน ส่วนราคาลูกไก่เนื้อตามประกาศของบริษัท ซี.พี ในสัปดาห์นี้ ตัวละ 13.50 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งไก่มีชีวิตหน้าโรงฆ่า จากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยกิโลกรัมละ 31.50 บาท และราคาขายส่งไก่สดทั้งตัวรวมเครื่องใน เฉลี่ยกิโลกรัมละ 44.00 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
ไข่ไก่
สถานการณ์การผลิต การค้า และราคาในประเทศ
สัปดาห์นี้ราคาไข่ไก่ที่เกษตรกรขายได้สูงขึ้นจากสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากความต้องการบริโภคไข่ไก่ที่เริ่มมีมากขึ้น ทำให้ภาวะตลาดไข่ไก่ค่อนข้างคึกคัก ส่งผลให้ราคาไข่ไก่ที่เกษตรกรขายได้ปรับตัวสูงขึ้น แนวโน้มคาดว่าสัปดาห์หน้าราคาจะสูงขึ้นเล็กน้อย
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาไข่ไก่ที่เกษตรกรขายได้ เฉลี่ยทั้งประเทศร้อยฟองละ 262 บาท สูงขึ้นจากร้อยฟองละ 255 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 2.75 โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ ร้อยฟองละ 277 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร้อยฟองละ 282 บาท ภาคกลางร้อยฟองละ 239 บาท และภาคใต้ไม่มีรายงาน ส่วนราคาลูกไก่ไข่ตามประกาศของบริษัท ซี.พี. ในสัปดาห์นี้ ตัวละ 10.00 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งไข่ไก่ (เฉลี่ยเบอร์ 0-4) ในตลาดกรุงเทพฯจากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยร้อยฟองละ 271 บาท สูงขึ้นจากร้อยฟองละ 261 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 3.83
ไข่เป็ด
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาไข่เป็ดที่เกษตรกรขายได้ เฉลี่ยทั้งประเทศร้อยฟองละ 334 บาท ลดลงจากร้อยฟองละ 335 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 0.30 โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ ร้อยฟองละ 347 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร้อยฟองละ 349 บาท ภาคกลาง ร้อยฟองละ 306 บาท และภาคใต้ ร้อยฟองละ 351 บาท
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งไข่เป็ดคละ ณ แหล่งผลิตภาคกลาง จากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยร้อยฟองละ 370 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
โคเนื้อ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาโคพันธุ์ลูกผสม (ขนาดกลาง) ที่เกษตรกรขายได้ เฉลี่ยทั้งประเทศกิโลกรัมละ 91.21 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 91.27 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 0.07 โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัม 92.12 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กิโลกรัมละ 88.10 บาท ภาคกลาง กิโลกรัมละ 90.14 บาท และภาคใต้กิโลกรัมละ 99.56 บาท
กระบือ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคากระบือ (ขนาดกลาง) ที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศกิโลกรัมละ 73.10 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 73.08 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 0.03 โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 92.66 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กิโลกรัมละ 69.32 บาท ภาคกลางและภาคใต้ไม่มีรายงานราคา
1.1 การตลาด
มาตรการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2560/61
มติที่ประชุม ครม. เห็นชอบมาตรการฯ จำนวน 13 โครงการ ดังนี้
(1) ด้านการผลิต มติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 11 เมษายน 2560 วันที่ 21 พฤศจิกายน 2560 และวันที่ 12ธันวาคม 2560 เห็นชอบโครงการฯ ได้แก่ 1) โครงการส่งเสริมการใช้เมล็ดพันธุ์ข้าวหอมมะลิคุณภาพดี 2) โครงการส่งเสริมระบบการเกษตรแบบนาแปลงใหญ่ (นาแปลงใหญ่ หลักเกณฑ์ใหม่) 3) โครงการส่งเสริมการผลิตข้าวอินทรีย์4) โครงการส่งเสริมการปลูกพืชหลากหลาย ฤดูนาปรัง ปี 2561 5) โครงการปลูกพืชปุ๋ยสด ฤดูนาปรัง ปี 25616) โครงการขยายการส่งเสริมการปลูกพืชหลากหลาย ฤดูนาปรัง ปี 2561 7) โครงการขยายการปลูกพืชปุ๋ยสด ฤดูนาปรัง ปี 2561และ 8) โครงการส่งเสริมการปลูกพืชอาหารสัตว์ ฤดูนาปรัง ปี 2561
(2) ด้านการตลาด มติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2560 และเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2560 เห็นชอบโครงการฯ ได้แก่ 1) โครงการเชื่อมโยงตลาดข้าวอินทรีย์และข้าว GAP ครบวงจร 2) โครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร 3) โครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปีและการช่วยเหลือค่าเก็บเกี่ยวและปรับปรุงคุณภาพข้าวให้แก่เกษตรกรรายย่อยผู้ปลูกข้าวนาปี และ 4) โครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต็อก
(3) ด้านการเงิน มติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2560 เห็นชอบ โครงการประกันภัยข้าวนาปี
ปีการผลิต 2560
ภาวการณ์ซื้อขายข้าวสัปดาห์นี้ ราคาข้าวเปลือกเจ้าที่เกษตรกรขายได้ สูงขึ้นเมื่อเทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากตลาดต่างประเทศยังคงมีความต้องการข้าวอย่างต่อเนื่อง
1.2 ราคา
1) ราคาที่เกษตรกรขายได้ทั้งประเทศ
ข้าวเปลือกเจ้านาปีหอมมะลิ สัปดาห์นี้ เฉลี่ยตันละ 14,103 บาท ราคาสูงขึ้นจากตันละ 13,952 บาท ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.08
ข้าวเปลือกเจ้าความชื้น 15% สัปดาห์นี้ เฉลี่ยตันละ 7,674 ราคาสูงขึ้นจากตันละ 7,660 บาท ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.17
2) ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ข้าวหอมมะลิ 100% ชั้น 1 (ใหม่) สัปดาห์นี้ เฉลี่ยตันละ 32,850 บาท ราคาสูงขึ้นจากตันละ 31,970 บาท
ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 2.75
ข้าวขาว 5% (ใหม่) สัปดาห์นี้ เฉลี่ยตันละ 12,510 บาท ราคาลดลงจากตันละ 12,810 บาท ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 2.34
3) ราคาส่งออกเอฟโอบี
ข้าวหอมมะลิไทย 100% (ใหม่) สัปดาห์นี้ เฉลี่ยตันละ 1,135 ดอลลาร์สหรัฐฯ (35,503 บาท/ตัน)
ข้าวขาว 5% สัปดาห์นี้ เฉลี่ยตันละ 443 ดอลลาร์สหรัฐฯ (13,857 บาท/ตัน)
ข้าวขาว 25% สัปดาห์นี้ เฉลี่ยตันละ 424 ดอลลาร์สหรัฐฯ (13,263 บาท/ตัน)
ข้าวนึ่ง 5% สัปดาห์นี้ เฉลี่ยตันละ 446 ดอลลาร์สหรัฐฯ (13,951 บาท/ตัน)
หมายเหตุ : อัตราแลกเปลี่ยน 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ เท่ากับ 31.2800 บาท
2. สถานการณ์ข้าวของประเทศผู้ผลิตและผู้บริโภคที่สำคัญ
ไทย
นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์ สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย เผยว่า ในปีนี้นอกจากปัจจัยลบจากเงินบาทที่แข็งค่าซึ่งถือเป็นปัจจัยเสี่ยงมากที่สุดต่อการส่งออกข้าวของไทยแล้ว ยังมีอีกหลายปัจจัยที่น่ากังวล และน่าจับตา ซึ่งอาจเป็นอุปสรรคต่อการส่งออกข้าว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องความเข้มงวดเกี่ยวกับสารตกค้างในข้าว ไม่ว่าจะเป็นญี่ปุ่น ยุโรป และสหรัฐฯ โดยเฉพาะที่ญี่ปุ่นที่มีการออกกฎหมายเกี่ยวกับสารตกค้างคือ สารฟอสอีทิล ซึ่งเป็นสารตกค้างในข้างจากการใช้ปุ๋ยเคมีและยาปราบศัตรูพืช จากเดิมกำหนดตรวจพบได้ไม่เกิน 0.5 mgต่อกิโลกรัม เป็น 0.01 mgต่อกิโลกรัม ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในเดือนตุลาคมนี้
ทั้งนี้ สารดังกล่าวมีการตรวจพบในข้าวไทยช่วงปี 2558-2559 สูงกว่า 0.01 mgต่อกิโลกรัมในข้าวที่มีการนำเข้าปกติ จากที่ญี่ปุ่นมีการนำเข้าข้าวไทยภายใต้โควตาการนำเข้าข้าวขององค์การการค้าโลก (WTO) ระหว่างปี 2558-2560 เฉลี่ย 3 แสนตัน หรือมีมูลค่า 130 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
ตลาดญี่ปุ่นอาจถูกคู่แข่งชิงตลาดไปหากไทยไม่มีมาตรการคุมเข้มการใช้สารฟอสอีทิลอย่างจริงจัง นอกจากนี้ยังมีเรื่องมาตรการกีดกันทางการค้าต่างๆ รวมถึงประเทศผู้นำเข้าต่างมีนโยบายพึ่งผลผลิตในประเทศ และมีมาตรการอุดหนุนภาคเกษตรเพื่อเพิ่มผลผลิตอาจจะทำให้การนำเข้าลดลง เช่น อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ ไนจีเรีย เป็นต้น
ขณะเดียวกัน ณ เวลานี้ไทยขาดแคลนข้าวที่กำลังเป็นที่นิยมของประเทศผู้ซื้อ เช่น ข้าวขาวพื้นนิ่ม (นิ่มกว่าข้าวหอมมะลิ) ที่ประเทศคู่แข่งมีการพัฒนาไปแล้ว โดยเฉพาะเวียดนามที่มีการส่งออกข้าวพื้นนิ่มเพิ่มมากขึ้น เพราะตลาดตลาดมีความต้องการซื้อสูงและมีราคาสูง ดังนั้น ไทยเองต้องมีการพัฒนาปรับปรุงพันธุ์ข้าวเพื่อแข่งขัน
นอกจากนี้ตลาดข้าวเก่าในปีนี้น่าจะหายไปมาก โดยเฉพาะตลาดแอฟริกา ซึ่งไทยอาจจะเสียตลาดนี้ให้กับจีน เพราะจีนมีสต็อกข้าวเก่าอยู่จำนวนมาก ดังนั้น ผู้ส่งออกต้องหาตลาดอื่นทดแทนตลาดที่คาดว่าจะถูกแย่งส่วนแบ่งไป
(ปี 2560 ไทยมีการส่งออกข้าว 11.6 ล้านตัน ปีนี้ตั้งเป้าที่ 9.5 ล้านตัน)
ที่มา : กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ
เวียดนาม
ปริมาณการส่งออกข้าวของเวียดนามในปี 2561 คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 400,000 ตัน นับจากปี 2560 โดยจะมีปริมาณรวม 6 ล้านตัน เนื่องจากความต้องการข้าวในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีสูงขึ้น โดยเฉพาะในประเทศฟิลิปปินส์ ส่วนประเทศจีนยังคงเป็นตลาดข้าวที่ใหญ่ที่สุดของเวียดนาม
สมาคมอาหารเวียดนาม (The Vietnam Food Association : VFA) รายงานว่า ช่วงเดือนมกราคมมีหลายประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ต้องการนำเข้าข้าวจากเวียดนามเป็นจำนวนมาก ซึ่งจะช่วยกระตุ้นการจำหน่ายข้าวในปีนี้ให้เพิ่มขึ้น
ทังนี้ VFA ยังกล่าวว่าในปี 2561 อินโดนีเซียจะกลับมานำเข้าข้าวจากเวียดนามและไทยอีกครั้ง เพื่อเพิ่มปริมาณข้าวสำรอง เนื่องจากราคาข้าวของอินโดนีเซียมีการปรับตัวสูงขึ้นเกือบเท่าตัว เช่นเดียวกับทางคณะกรรมการอาหารแห่งชาติฟิลิปปินส์ที่ได้มีการอนุมัติการนำเข้าข้าวรวม 250,000 ตัน เพื่อชดเชยสินค้าคงคลังที่ลดลง เนื่องจากประสบปัญหาด้านสภาพภูมิอากาศจากปี 2560 ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวช่วยส่งเสริมตลาดส่งออกข้าวของเวียดนาม ทำให้ราคาการส่งออกข้าวหักเพิ่มขึ้นร้อยละ 5 จาก 390 เหรียญสหรัฐ เพิ่มเป็น 400 เหรียญสหรัฐต่อตัน
นอกจากนี้ ราคาข้าวภายในประเทศยังมีการปรับตัวสูงขึ้น โดยราคาเฉลี่ยในช่วงสิ้นเดือนมกราคมอยู่ระหว่าง 267–293 เหรียญสหรัฐต่อตัน เพิ่มขึ้น 13-15 เหรียญสหรัฐ เมื่อเทียบกับช่วงเดือนธันวาคม 2560
สมาคมอาหารเวียดนามเผยว่า ตลอดปี 2560 ประเทศเวียดนามส่งออกข้าวจำนวนรวม 5.7 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่า 2,540 ล้านเหรียญสหรัฐ
กระทรวงเกษตรสหรัฐอเมริกา (USDA) คาดการณ์การผลิตข้าวของโลกประจำปี 2561 ไว้เมื่อปลายปี 2560 ว่า ปัจจัยสำคัญที่ทำให้การค้าข้าวขยายตัวเพิ่มขึ้น มาจากผลผลิตที่เพิ่มขึ้นของประเทศเวียดนาม ปากีสถาน และเมียนมาร์ ซึ่งเป็น 3 ใน 6 ประเทศผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ของโลก
อีกทั้งยังระบุว่า ผลผลิตข้าวทั่วโลกของปี 2560 ลดลงร้อยละ 20 เมื่อเทียบกับปี 2559 ซึ่งเป็นผลมาจากเมล็ดพันธุ์ที่ไม่สมบูรณ์ ฝนตกหนัก น้ำท่วม และภัยพิบัติทางธรรมชาติอื่นๆ อาจเป็นสัญญาณที่ดีต่อการนำเข้าข้าวในตลาดดั้งเดิมของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในช่วงต้นปี 2561
ในปีนี้ ประเทศบังคลาเทศและศรีลังกาต้องการนำเข้าข้าวเพิ่มขึ้น เนื่องจากข้าวในประเทศได้รับผลกระทบจากสภาพอากาศแปรปรวน ทั้งยังได้รับการสนับสนุนกำลังซื้อจากแอฟริกาและตะวันออกกลาง ยิ่งทำให้ความต้องการนำเข้าข้าวเพิ่มขึ้น ในขณะที่ประเทศจีนยังคงเป็นประเทศผู้นำเข้าข้าวจากภูมิภาคใกล้เคียง ดังนั้น เวียดนามจึงเห็นช่องทางการเพิ่มรายได้จากการส่งออกข้าวไปยังตลาดรายใหญ่อีกหลายแห่ง
กรมผลผลิตการเกษตร (Department of Crop Production : DCP) สังกัดกระทรวงเกษตรและการพัฒนาชนบทเวียดนาม รายงานว่า ในช่วงต้นเดือนมกราคม 2561 กลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกข้าวในพื้นที่ดินดอนสามเหลี่ยม
ปากแม่น้ำโขงเก็บเกี่ยวข้าวในพื้นที่รวม 860,000 เฮกตาร์ ซึ่งมีผลผลิตเฉลี่ย 5.3 ตันต่อเฮกตาร์ อย่างไรก็ตาม การผลิตข้าวยังคงเป็นปัญหาระดับประเทศอยู่เช่นเดิม ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากการขาดความรู้เฉพาะด้านของเกษตรกร
สำนักข่าวเวียดนามเผยว่า จากการประชุมทางการเกษตรในพื้นที่สามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขง ช่วงปลายปี 2560 นาย Vo Tong Xuan อดีตรองอธิการบดีมหาวิทยาลัยเกิ่นเทอและผู้เชี่ยวชาญด้านข้าวได้เน้นย้ำถึงการแข่งขันในตลาดข้าวโลก ทั้งยังแนะว่า หากต้องการให้การส่งออกบรรลุเป้าหมาย ควรหาวิธีทำให้การส่งออกข้าวเป็นที่โดดเด่น
สำหรับคุณภาพข้าวที่ส่งออกนั้น นาย Xuan เชื่อว่า พ่อค้าส่วนใหญ่มักผสมข้าวจากหลายแหล่งที่มา แล้วนำมารวมกันให้เป็นชุดเดียว เนื่องจากรับซื้อจากเกษตรกรหลายกลุ่มซึ่งแทบจะไม่มีทางติดตามแหล่งที่มาของข้าวแต่ละชุดได้ครบถ้วน
ในกรณีที่ไม่มีแหล่งกำเนิดที่ชัดเจน ทำให้ไม่สามารถควบคุมคุณภาพข้าว และการที่เวียดนามไม่มีแบรนด์ข้าวซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญ จึงเสนอให้มีการทำสัญญาระหว่างเกษตรกรผู้ปลูกข้าวและโรงงานแปรรูป เพื่อการผลิตอย่างยั่งยืนและจำหน่ายผ่านสหกรณ์การเกษตรแทนพ่อค้าคนกลาง
นอกจากนี้ยังคงมีข้อบังคับที่เป็นอุปสรรคต่อการเข้าสู่ตลาดข้าวของรัฐวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม อีกทั้งการส่งออกข้าวที่มีคุณภาพต่ำและข้าวหอมที่ไม่มีชื่อตราสินค้าได้กลายเป็นเรื่องที่ยากขึ้นสำหรับเวียดนาม โดยเฉพาะ
อย่างยิ่งการหาตลาดเฉพาะกลุ่มเพื่อจะขายข้าวหลายพันตัน
ที่มา : กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ
- สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร คาดว่าปี 2561 ผลผลิตปาล์มน้ำมันเดือนกุมภาพันธ์จะมีประมาณ 0.956
ล้านตันคิด เป็นน้ำมันปาล์มดิบ 0.163 ล้านตัน ลดลงจากผลผลิตปาล์มทะลาย 0.998 ล้านตัน คิดเป็นน้ำมันปาล์มดิบ 0.170 ล้านตัน ของเดือนมกราคม 2561 คิดเป็นร้อยละ 4.21 และร้อยละ 4.12 ตามลำดับ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาผลปาล์มทะลาย สัปดาห์นี้เฉลี่ย กก.ละ 3.17 บาท สูงขึ้นจาก กก.ละ 2.98 บาท ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 6.02
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาน้ำมันปาล์มดิบ สัปดาห์นี้เฉลี่ย กก.ละ 20.40 บาท สูงขึ้นจาก กก.ละ 19.19 บาท ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 6.31
2. ภาวะการผลิต การตลาด และราคาในตลาดต่างประเทศ
การส่งออกน้ำมันปาล์มของมาเลเซียขยายเพิ่มขึ้น ปี 2561
การส่งออกน้ำมันปาล์มดิบของมาเลเซียในปี 2560 เพิ่มขึ้นร้อยละ 18.9 มูลค่าการส่งออกอยู่ที่ 935.4 พันล้านริงกิต ซึ่งการส่งออกน้ำมันปาล์มดิบของมาเลเซียได้เพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 12 ปี สำหรับปี 2561 การส่งออกน้ำมันปาล์มดิบของมาเลเซียจะขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 9.3 เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจของตลาดโลกขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากปี 2560 เป็นผลดีต่อการส่งออกน้ำมันปาล์มดิบของมาเลเซีย โดยเฉพาะการขยายตัวของการส่งออกน้ำมันปาล์มดิบไปยังตลาดฮ่องกง จีน สหภาพยุโรป เวียดนาม และเกาหลีใต้
ราคาในตลาดต่างประเทศ
ตลาดมาเลเซีย ราคาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันปาล์มดิบสัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 2,495.11 ดอลลาร์มาเลเซีย (20.43 บาท/กก.) สูงขึ้นจากตันละ 2,494.99 ดอลลาร์มาเลเซีย (20.45 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 0.01
ตลาดรอตเตอร์ดัม ราคาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันปาล์มดิบสัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 655.50 ดอลลาร์สหรัฐฯ (20.77 บาท/กก.) ลดลงจากตันละ 663.50 ดอลลาร์สหรัฐฯ (20.93 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 1.21
หมายเหตุ : ราคาในตลาดต่างประเทศเฉลี่ย 3 วัน