- ข้อมูลเศรษฐกิจการเกษตร
- สถานการณ์การผลิตและการตลาดรายสัปดาห์
- รายละเอียดสถานการณ์ผลิดและการตลาด
สถานการณ์การผลิตและการตลาดรายสัปดาห์ 26 กรกฎาคม-1 สิงหาคม 2562
ข้าว
สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาในประเทศ
1.1 แผนการผลิตและการตลาดข้าวครบวงจร ปีการผลิต 2562/63
มติที่ประชุม คณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) ครั้งที่ 1/2562 เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2562 เห็นชอบแผนการผลิตและการตลาดข้าวครบวงจร ปีการผลิต 2562/63 และมติที่ประชุม นบข. ครั้งที่ 2/2562 เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2562 เห็นชอบในหลักการตามแผนการผลิตและการตลาดข้าวครบวงจร ปีการผลิต 2562/63 ตามมติที่ประชุมคณะอนุกรรมการกำกับติดตามแผนการผลิตและการตลาดข้าวครบวงจร เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2562 การดำเนินงานประกอบด้วย 5 ช่วง ดังนี้
ช่วงที่ 1 การกำหนดอุปสงค์ อุปทานข้าว ได้กำหนดอุปสงค์ 32.48 ล้านตันข้าวเปลือก อุปทาน 34.16 ล้านตันข้าวเปลือก
ช่วงที่ 2 ช่วงการผลิตข้าว ได้แก่
1) การกำหนดพื้นที่เป้าหมายส่งเสริมการปลูกข้าว เป้าหมาย รอบที่ 1 จำนวน 58.99 ล้านไร่
โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ประกาศพื้นที่เป้าหมายส่งเสริมการปลูกข้าวแล้ว เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2562 และ รอบที่ 2 จำนวน 13.81 ล้านไร่
2) การขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกข้าว เป้าหมาย รอบที่ 1 จำนวน 4.00 ล้านครัวเรือน และ รอบที่ 2 จำนวน 0.30 ล้านครัวเรือน
3) การจัดการปัจจัยการผลิต ได้แก่ โครงการผลิตและกระจายเมล็ดพันธุ์ดี และควบคุมค่าเช่าที่นา
4) การปรับปรุงพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ได้แก่ การจัดรูปที่ดินและปรับระดับพื้นที่นา
5) การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตข้าว ได้แก่ (1) โครงการระบบส่งเสริมเกษตรแบบแปลงใหญ่
(นาแปลงใหญ่) (2) โครงการส่งเสริมการผลิตและการตลาดข้าวพันธุ์ กข43 (3) โครงการส่งเสริมระบบเกษตรแบบแม่นยำสูง (4) โครงการส่งเสริมการผลิตข้าวหอมมะลิคุณภาพชั้นเลิศ (5) โครงการส่งเสริมการผลิตข้าวอินทรีย์ (6) โครงการรักษาระดับปริมาณการผลิตและคุณภาพข้าวหอมมะลิ (7) โครงการปรับเปลี่ยนระบบการผลิตข้าวในพื้นที่ลุ่มต่ำ 13 ทุ่ง
(8) โครงการปรับเปลี่ยนพื้นที่ไม่เหมาะสมกับการปลูกข้าวไปเป็นพืชอื่น (Zoning by Agri-Map) (9) โครงการส่งเสริม
การปลูกพืชหลากหลาย (10) โครงการปลูกพืชปุ๋ยสด และ (11) โครงการประกันภัยพืชผล
ช่วงที่ 3 ช่วงการเก็บเกี่ยวและหลังเก็บเกี่ยว ได้แก่ (1) โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการ
รถเกี่ยวนวดข้าว และ (2) โครงการยกระดับมาตรฐานโรงสี กลุ่มเกษตรกร และวิสาหกิจชุมชน เพื่อเพิ่มศักยภาพการเชื่อมโยงตลาดข้าวนาแปลงใหญ่
ช่วงที่ 4 ช่วงการตลาดในประเทศ ได้แก่ (1) โครงการเชื่อมโยงตลาดข้าวอินทรีย์และข้าว GAP ครบวงจร (2) โครงการรณรงค์บริโภคข้าวและผลิตภัณฑ์ข้าวของไทยทั้งตลาดในประเทศ และต่างประเทศ พ.ศ. 2563-2565
(3) โครงการประชาสัมพันธ์เพื่อส่งเสริมและสร้างการรับรู้ถึงคุณประโยชน์ของการบริโภคผลผลิตภัณฑ์น้ำนมข้าว
(4) โครงการรณรงค์บริโภคข้าวสาร Q และข้าวพันธุ์ กข43 ปีการผลิต 2561/62 (5) โครงการช่วยเหลือค่าเก็บเกี่ยว
และปรับปรุงคุณภาพข้าว (6) โครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร (7) โครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการในการเก็บสต็อก และ (8) โครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือก
ช่วงที่ 5 ช่วงการตลาดต่างประเทศ ได้แก่ (1) การจัดหาและเชื่อมโยงตลาดต่างประเทศ
(2) การส่งเสริมภาพลักษณ์และประชาสัมพันธ์ข้าว ผลิตภัณฑ์ และนวัตกรรมข้าว (3) การส่งเสริมพัฒนาการค้าสินค้ามาตรฐานและปกป้องคุ้มครองเครื่องหมายการค้า/เครื่องหมายรับรองข้าวหอมมะลิไทย และ (4) การประชาสัมพันธ์
การบริโภคข้าวและผลิตภัณฑ์ของไทยทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ
1.2 ราคา
1) ราคาที่เกษตรกรขายได้ทั้งประเทศ
ข้าวเปลือกเจ้านาปีหอมมะลิ สัปดาห์นี้ เฉลี่ยตันละ 15,552 บาท ราคาสูงขึ้นจากตันละ 15,532 บาท
ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.13
ข้าวเปลือกเจ้าความชื้น 15% สัปดาห์นี้ เฉลี่ยตันละ 7,683 บาท ราคาลดลงจากตันละ 7,718 บาท
ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.46
2) ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ข้าวหอมมะลิ 100% ชั้น 1 (ใหม่) สัปดาห์นี้ เฉลี่ยตันละ 33,850 บาท ราคาสูงขึ้นจากตันละ 33,650 บาท
ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.59
ข้าวขาว 5% (ใหม่) สัปดาห์นี้ เฉลี่ยตันละ 11,300 บาท ราคาสูงขึ้นจากตันละ 11,250 บาท
ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.44
3) ราคาส่งออกเอฟโอบี
ข้าวหอมมะลิไทย 100% (ใหม่) สัปดาห์นี้ เฉลี่ยตันละ 1,160 ดอลลาร์สหรัฐฯ (35,504 บาท/ตัน)
ราคาสูงขึ้นจากตันละ 1,139 ดอลลาร์สหรัฐฯ (34,857 บาท/ตัน) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.84 และสูงขึ้นในรูปเงินบาท
ตันละ 647 บาท
ข้าวขาว 5% สัปดาห์นี้ เฉลี่ยตันละ 420 ดอลลาร์สหรัฐฯ (12,855 บาท/ตัน) ราคาสูงขึ้นจากตันละ 415 ดอลลาร์สหรัฐฯ (12,700 บาท/ตัน) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.20 และสูงขึ้นในรูปเงินบาทตันละ 155 บาท
ข้าวขาว 25% สัปดาห์นี้ เฉลี่ยตันละ 412 ดอลลาร์สหรัฐฯ (12,610 บาท/ตัน) ราคาสูงขึ้นจากตันละ 408 ดอลลาร์สหรัฐฯ (12,486 บาท/ตัน) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.98 และสูงขึ้นในรูปเงินบาทตันละ 124 บาท
ข้าวนึ่ง 5% สัปดาห์นี้ เฉลี่ยตันละ 420 ดอลลาร์สหรัฐฯ (12,855 บาท/ตัน) ราคาสูงขึ้นจากตันละ 418 ดอลลาร์สหรัฐฯ (12,792 บาท/ตัน) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.48 และสูงขึ้นในรูปเงินบาทตันละ 63 บาท
หมายเหตุ : อัตราแลกเปลี่ยนสัปดาห์นี้ 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ เท่ากับ 30.6068
2. สถานการณ์ข้าวของประเทศผู้ผลิตและผู้บริโภคที่สำคัญ
ไทย
นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้ราคาข้าวขาว 5% ทั่วโลกปรับตัวลดลงต่อเนื่อง หลังจากสต็อกข้าวทั่วโลกเพิ่มจาก 100 ล้านตัน เป็น 170 ล้านตัน ภายในไม่กี่ปี และจีนจากเดิมที่เป็นผู้นำเข้าข้าวรายใหญ่ของโลกกลับมาเปลี่ยนบทบาทเป็นผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่รองจากอินเดีย ไทย เวียดนาม และปากีสถาน ที่สำคัญจีนยังดัมพ์ราคาข้าวขาวมาอยู่ที่ตันละ 300 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งต่ำกว่าไทยประมาณ 100 ดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลให้ข้าวไทยในตลาดแอฟริกาถูกข้าวจีนแย่งส่วนแบ่งตลาดไปจำนวนหนึ่ง
“จากการสอบถามผู้ส่งออกข้าวพบว่า ผู้ส่งออกไทยจำนวนมากยังไม่มีคำสั่งซื้อใหม่ๆ เข้ามา ยกเว้นคำสั่งซื้อเก่าที่เคยสั่งมาก่อนหน้านี้ โดยเฉพาะตลาดแอฟริกา ส่วนหนึ่งมาจากข้าวจีนราคาต่ำเข้ามาตีตลาด คาดว่าในปีนี้จีนจะสามารถส่งออกข้าวได้ 3 ล้านตัน และคาดว่าในอนาคตอาจมีปริมาณส่งออกเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวของทุกๆ ประเทศ ประกอบกับค่าเงินบาทไทยที่แข็งค่าต่อเนื่องมากกว่าคู่แข่งทุกประเทศ ทำให้ผู้ส่งออกตั้งราคาข้าวในระดับต่ำเพื่อแข่งขันลำบาก”
ทั้งนี้ หากเปรียบเทียบราคาข้าวเปลือกเจ้า (ข้าวขาว) ของประเทศต่างๆ พบว่า ข้าวเปลือกไทยอยู่ที่ตันละ 7,800 บาท เวียดนามตันละ 5,970 บาท สหรัฐราคาสูงสุดตันละ 8,100 บาท อินเดียตันละ 7,270 บาท และกัมพูชาตันละ 6,700 บาท
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยที่ทำให้สถานการณ์ข้าวขาวกับข้าวหอมมะลิต่างกันมากคือ ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นแหล่งปลูกข้าวหอมมะลิที่สำคัญของไทยได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง ทำให้ผลผลิตลดลง ขณะที่ข้าวขาว 5%
ส่วนใหญ่อยู่ในภาคกลางซึ่งเป็นภาคที่มีระบบชลประทานเข้าถึงพื้นที่เกษตรได้มาก
นายชูเกียรติ กล่าวว่า ต้องการให้รัฐบาลชุดใหม่ผลักดันส่งออกข้าวในไทย โดยการเร่งรัดให้จีนเข้ามารับซื้อตามสัญญารัฐต่อรัฐ (G to G) จำนวน 1 ล้านตัน ให้ครบตามสัญญาจากก่อนหน้านี้ที่จีนรับข้าวไทยไปแล้ว 700,000 ตัน และเหลืออีก 300,000 ตัน ที่รัฐบาลจีนเว้นช่วงในการรับสินค้าไปนานมาก อย่างไรก็ตาม ในอนาคตยอดการส่งออกข้าวไทยอาจไม่สูงมากนัก เพราะในส่วนของการส่งออกข้าวจีทูจีอาจลดลง และอาจเปลี่ยนเป็นการส่งออกข้าวแบบจีทูพี หรือรัฐกับเอกชนแทน
ขณะเดียวกันประเทศผู้นำเข้าข้าวรายใหญ่ของเอเชียบางประเทศเริ่มเปลี่ยนวิธีการนำเข้าจากเดิม โดยอาจจัดสรรเป็นโควตานำเข้าข้าวจากแต่ละประเทศ แต่ปัจจุบันหลายประเทศเพิ่มโอกาสให้เอกชนนำเข้าเสรีมากขึ้น ซึ่งในส่วนนี้เวียดนามจะได้เปรียบประเทศไทยที่ตั้งราคาข้าวต่ำ และค่าเงินแข็งค่าน้อยกว่า
ที่มา: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
อินโดนีเซีย
สำนักข่าว Bloomberg รายงานว่า สภาพแห้งแล้งแบบถาวรมีแนวโน้มที่จะส่งผลกระทบต่อพื้นที่เพาะปลูก ข้าวหลายแห่งในอินโดนีเซีย
กระทรวงเกษตรของอินโดนีเซียคาดการณ์ว่า สภาพอากาศที่แห้งแล้งจะส่งผลกระทบต่อพื้นที่มากกว่า 125,000 ไร่ ขณะที่เจ้าหน้าที่การเกษตรตั้งข้อสังเกตว่า ภัยแล้งอาจจะส่งผลกระทบต่อพืชผลทางการเกษตรโดยรวม รุนแรงมาก ซึ่งพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้งกำลังเพิ่มขึ้นและอาจสูงถึง 1.25 ล้านไร่ ขณะที่พื้นที่เสียหายอาจเพิ่มเป็น 250,000 ไร่ ไปจนถึงช่วงสิ้นสุดฤดูแล้งในเดือนตุลาคมนี้ ซึ่งนักพยากรณ์อากาศเตือนว่าอินโดนีเซียอาจได้รับผลกระทบจากปรากฏการณ์เอลนีโญแบบอ่อน (weak El Nino) ไปจนถึงช่วงปลายปีนี้
ขณะที่ประธานาธิบดีได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินมาตรการเพื่อบรรเทาผลกระทบจากภัยแล้งต่อพื้นที่นาข้าว เช่น การทำฝนเทียม การใช้เมล็ดพันธุ์ที่ทนต่อภาวะแห้งแล้ง รวมถึงการป้องกันไฟป่า
ด้านโฆษกหน่วยงานด้านภัยพิบัติแห่งชาติระบุว่า หน่วยงานบรรเทาสาธารณภัย กรมอุตุนิยมวิทยาและ กองทัพอากาศจะร่วมมือกันสร้างฝนเทียมเพื่อบรรเทาความแห้งแล้งต่อไป
ที่มา: สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย
ฟิลิปปินส์
ประธานาธิบดีโรดรีโก ดูแตร์เต ของฟิลิปปินส์ประกาศว่า รัฐบาลจะระงับการนำเข้าข้าวในช่วงฤดูเก็บเกี่ยว
เพื่อเป็นการเพิ่มรายได้ของเกษตรกรที่กำลังเก็บเกี่ยวข้าว โดยเขาจะให้ความสำคัญกับการจัดหาข้าวเปลือกในประเทศมากกว่าการนำเข้า
ทั้งนี้ การประกาศของประธานาธิบดีเป็นไปตามข้อร้องเรียนของเกษตรกรผู้ปลูกข้าวในประเทศเกี่ยวกับการลดลงของราคาข้าวเปลือกในขณะนี้ ซึ่งราคาข้าวเปลือกลดลงเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 12-14 เปโซต่อกิโลกรัม (ประมาณ 234-274 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อตัน) ในพื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศ ซึ่งลดลงจากระดับ 20 เปโซต่อกิโลกรัม (ประมาณ 391 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อตัน) ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา
สำนักงานศุลกากรฟิลิปปินส์ (The Philippines Bureau of Customs; BoC) รายงานว่า หลังจากที่รัฐบาล
ได้ใช้มาตรการนำเข้าข้าวโดยเสรี ซึ่งเป็นไปตามกฎหมายใหม่ (the Rice Liberalization Act) ที่มีผลบังคับใช้ในช่วง
ต้นปีที่ผ่านมานั้น ณ วันที่ 15 กรกฎาคม 2562 สามารถจัดเก็บภาษีนำเข้าข้าวได้แล้วประมาณ 6.479 พันล้านเปโซ หรือประมาณ 127 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือเฉลี่ยเดือนละประมาณ 1.4 พันล้านเปโซ หรือประมาณ 27 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
ทั้งนี้ จำนวนภาษีที่เก็บได้คิดเป็นร้อยละ 60 ของเป้าหมาย 10 ล้านเปโซ (ประมาณ 196 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) ซึ่งเป็นเงินทุนที่จะนำไปใช้ในกองทุนเพิ่มความสามารถในการแข่งขันด้านข้าวของประเทศ (the Rice Competitiveness Enhancement Fund; RCEF) นอกจากนี้ ยังมีภาษีที่องค์การอาหารแห่งชาติ (the National Food Authority; NFA) เก็บจากผู้นำเข้าข้าวที่ NFA จัดสรรโควตาให้เอกชนนำเข้า (ในระบบ MAV ตามกฎหมายเดิม) ที่สิ้นสุดเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา อีกประมาณ 3.103 พันล้านเปโซ หรือประมาณ 61 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
ทางด้านสมาพันธ์สมาคมธัญพืช (the Philippine Confederation of Grains Associations; PCGA)
ของฟิลิปปินส์ ได้เรียกร้องให้รัฐบาลกำหนดกฎเกณฑ์ที่เข้มงวดมากขึ้น สำหรับการตรวจสอบการนำเข้าภายใต้ พระราชบัญญัติการเปิดเสรีข้าว (the Rice Liberalization Act)
สำนักงานสถิติแห่งชาติ (the Philippine Statistics Agency; PSA) รายงานว่า ในช่วงสัปดาห์ที่ 2 ของเดือนกรกฎาคม 2562 ราคาข้าวเปลือกปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่ราคาข้าวสารมีแนวโน้มอ่อนตัวลงจากช่วงสัปดาห์ก่อนหน้า (ราคาข้าวเคยพุ่งสูงขึ้นไปสู่ระดับสูงสุดในช่วงสัปดาห์ที่ 2 ของเดือนกันยายน 2561) โดยราคาข้าวเปลือกเฉลี่ย (The average farm-gate paddy price) อยู่ที่ 17.87 เปโซต่อกิโลกรัม หรือประมาณ 350.52 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อตัน เพิ่มขึ้นจาก 17.78 เปโซต่อกิโลกรัม หรือประมาณ 347.68 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อตัน ในช่วงสัปดาห์ก่อน แต่ลดลงประมาณร้อยละ 2.4 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา
ขณะที่ราคาขายส่งข้าวสารเกรดดี (The average wholesale price of the well-milled rice) อยู่ที่ 39.08 เปโซต่อกิโลกรัม หรือประมาณ 766.55 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อตัน ลดลงจาก 39.26 เปโซต่อกิโลกรัม หรือประมาณ 766.7 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อตัน จากช่วงสัปดาห์ก่อน และลดลงร้อยละ 7.1 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนราคาขายปลีกข้าวสารเกรดดี (The average retail price of the well-milled rice) อยู่ที่ระดับ 42.88 เปโซต่อกิโลกรัม หรือประมาณ 841.08 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อตัน เพิ่มขึ้นจาก 42.77 เปโซต่อกิโลกรัม หรือประมาณ 836.34 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อตัน ในสัปดาห์ก่อนหน้า และลดลงร้อยละ 4.3 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ส่วนราคาขายส่งข้าวสารเกรดธรรมดา (The average wholesale price of the regular-milled rice) อยู่ที่ 35.31 เปโซต่อกิโลกรัม หรือประมาณ 692.60 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อตัน ลดลงจาก 35.34 เปโซต่อกิโลกรัม หรือประมาณ 691.05 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อตัน ในช่วงสัปดาห์ก่อน และลดลงร้อยละ 9 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา และราคาขายปลีกข้าวสารเกรดธรรมดา (The average retail price of the regular-milled rice) อยู่ที่ 38.4 เปโซต่อกิโลกรัม หรือประมาณ 753.21 เหรียญสหรัฐต่อตัน ลดลงจาก 38.45 เปโซต่อกิโลกรัม หรือประมาณ 751.87 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อตัน จากช่วงสัปดาห์ก่อน และลดลงร้อยละ 6.8 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา
ที่มา: สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย
กราฟราคาที่เกษตรกรขายได้ข้าวเปลือกเจ้าความชื้น 15% และราคาขายส่งตลาด กทม. ข้าวสารเจ้า 5%
1.1 แผนการผลิตและการตลาดข้าวครบวงจร ปีการผลิต 2562/63
มติที่ประชุม คณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) ครั้งที่ 1/2562 เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2562 เห็นชอบแผนการผลิตและการตลาดข้าวครบวงจร ปีการผลิต 2562/63 และมติที่ประชุม นบข. ครั้งที่ 2/2562 เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2562 เห็นชอบในหลักการตามแผนการผลิตและการตลาดข้าวครบวงจร ปีการผลิต 2562/63 ตามมติที่ประชุมคณะอนุกรรมการกำกับติดตามแผนการผลิตและการตลาดข้าวครบวงจร เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2562 การดำเนินงานประกอบด้วย 5 ช่วง ดังนี้
ช่วงที่ 1 การกำหนดอุปสงค์ อุปทานข้าว ได้กำหนดอุปสงค์ 32.48 ล้านตันข้าวเปลือก อุปทาน 34.16 ล้านตันข้าวเปลือก
ช่วงที่ 2 ช่วงการผลิตข้าว ได้แก่
1) การกำหนดพื้นที่เป้าหมายส่งเสริมการปลูกข้าว เป้าหมาย รอบที่ 1 จำนวน 58.99 ล้านไร่
โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ประกาศพื้นที่เป้าหมายส่งเสริมการปลูกข้าวแล้ว เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2562 และ รอบที่ 2 จำนวน 13.81 ล้านไร่
2) การขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกข้าว เป้าหมาย รอบที่ 1 จำนวน 4.00 ล้านครัวเรือน และ รอบที่ 2 จำนวน 0.30 ล้านครัวเรือน
3) การจัดการปัจจัยการผลิต ได้แก่ โครงการผลิตและกระจายเมล็ดพันธุ์ดี และควบคุมค่าเช่าที่นา
4) การปรับปรุงพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ได้แก่ การจัดรูปที่ดินและปรับระดับพื้นที่นา
5) การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตข้าว ได้แก่ (1) โครงการระบบส่งเสริมเกษตรแบบแปลงใหญ่
(นาแปลงใหญ่) (2) โครงการส่งเสริมการผลิตและการตลาดข้าวพันธุ์ กข43 (3) โครงการส่งเสริมระบบเกษตรแบบแม่นยำสูง (4) โครงการส่งเสริมการผลิตข้าวหอมมะลิคุณภาพชั้นเลิศ (5) โครงการส่งเสริมการผลิตข้าวอินทรีย์ (6) โครงการรักษาระดับปริมาณการผลิตและคุณภาพข้าวหอมมะลิ (7) โครงการปรับเปลี่ยนระบบการผลิตข้าวในพื้นที่ลุ่มต่ำ 13 ทุ่ง
(8) โครงการปรับเปลี่ยนพื้นที่ไม่เหมาะสมกับการปลูกข้าวไปเป็นพืชอื่น (Zoning by Agri-Map) (9) โครงการส่งเสริม
การปลูกพืชหลากหลาย (10) โครงการปลูกพืชปุ๋ยสด และ (11) โครงการประกันภัยพืชผล
ช่วงที่ 3 ช่วงการเก็บเกี่ยวและหลังเก็บเกี่ยว ได้แก่ (1) โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการ
รถเกี่ยวนวดข้าว และ (2) โครงการยกระดับมาตรฐานโรงสี กลุ่มเกษตรกร และวิสาหกิจชุมชน เพื่อเพิ่มศักยภาพการเชื่อมโยงตลาดข้าวนาแปลงใหญ่
ช่วงที่ 4 ช่วงการตลาดในประเทศ ได้แก่ (1) โครงการเชื่อมโยงตลาดข้าวอินทรีย์และข้าว GAP ครบวงจร (2) โครงการรณรงค์บริโภคข้าวและผลิตภัณฑ์ข้าวของไทยทั้งตลาดในประเทศ และต่างประเทศ พ.ศ. 2563-2565
(3) โครงการประชาสัมพันธ์เพื่อส่งเสริมและสร้างการรับรู้ถึงคุณประโยชน์ของการบริโภคผลผลิตภัณฑ์น้ำนมข้าว
(4) โครงการรณรงค์บริโภคข้าวสาร Q และข้าวพันธุ์ กข43 ปีการผลิต 2561/62 (5) โครงการช่วยเหลือค่าเก็บเกี่ยว
และปรับปรุงคุณภาพข้าว (6) โครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร (7) โครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการในการเก็บสต็อก และ (8) โครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือก
ช่วงที่ 5 ช่วงการตลาดต่างประเทศ ได้แก่ (1) การจัดหาและเชื่อมโยงตลาดต่างประเทศ
(2) การส่งเสริมภาพลักษณ์และประชาสัมพันธ์ข้าว ผลิตภัณฑ์ และนวัตกรรมข้าว (3) การส่งเสริมพัฒนาการค้าสินค้ามาตรฐานและปกป้องคุ้มครองเครื่องหมายการค้า/เครื่องหมายรับรองข้าวหอมมะลิไทย และ (4) การประชาสัมพันธ์
การบริโภคข้าวและผลิตภัณฑ์ของไทยทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ
1.2 ราคา
1) ราคาที่เกษตรกรขายได้ทั้งประเทศ
ข้าวเปลือกเจ้านาปีหอมมะลิ สัปดาห์นี้ เฉลี่ยตันละ 15,552 บาท ราคาสูงขึ้นจากตันละ 15,532 บาท
ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.13
ข้าวเปลือกเจ้าความชื้น 15% สัปดาห์นี้ เฉลี่ยตันละ 7,683 บาท ราคาลดลงจากตันละ 7,718 บาท
ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.46
2) ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ข้าวหอมมะลิ 100% ชั้น 1 (ใหม่) สัปดาห์นี้ เฉลี่ยตันละ 33,850 บาท ราคาสูงขึ้นจากตันละ 33,650 บาท
ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.59
ข้าวขาว 5% (ใหม่) สัปดาห์นี้ เฉลี่ยตันละ 11,300 บาท ราคาสูงขึ้นจากตันละ 11,250 บาท
ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.44
3) ราคาส่งออกเอฟโอบี
ข้าวหอมมะลิไทย 100% (ใหม่) สัปดาห์นี้ เฉลี่ยตันละ 1,160 ดอลลาร์สหรัฐฯ (35,504 บาท/ตัน)
ราคาสูงขึ้นจากตันละ 1,139 ดอลลาร์สหรัฐฯ (34,857 บาท/ตัน) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.84 และสูงขึ้นในรูปเงินบาท
ตันละ 647 บาท
ข้าวขาว 5% สัปดาห์นี้ เฉลี่ยตันละ 420 ดอลลาร์สหรัฐฯ (12,855 บาท/ตัน) ราคาสูงขึ้นจากตันละ 415 ดอลลาร์สหรัฐฯ (12,700 บาท/ตัน) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.20 และสูงขึ้นในรูปเงินบาทตันละ 155 บาท
ข้าวขาว 25% สัปดาห์นี้ เฉลี่ยตันละ 412 ดอลลาร์สหรัฐฯ (12,610 บาท/ตัน) ราคาสูงขึ้นจากตันละ 408 ดอลลาร์สหรัฐฯ (12,486 บาท/ตัน) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.98 และสูงขึ้นในรูปเงินบาทตันละ 124 บาท
ข้าวนึ่ง 5% สัปดาห์นี้ เฉลี่ยตันละ 420 ดอลลาร์สหรัฐฯ (12,855 บาท/ตัน) ราคาสูงขึ้นจากตันละ 418 ดอลลาร์สหรัฐฯ (12,792 บาท/ตัน) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.48 และสูงขึ้นในรูปเงินบาทตันละ 63 บาท
หมายเหตุ : อัตราแลกเปลี่ยนสัปดาห์นี้ 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ เท่ากับ 30.6068
2. สถานการณ์ข้าวของประเทศผู้ผลิตและผู้บริโภคที่สำคัญ
ไทย
นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้ราคาข้าวขาว 5% ทั่วโลกปรับตัวลดลงต่อเนื่อง หลังจากสต็อกข้าวทั่วโลกเพิ่มจาก 100 ล้านตัน เป็น 170 ล้านตัน ภายในไม่กี่ปี และจีนจากเดิมที่เป็นผู้นำเข้าข้าวรายใหญ่ของโลกกลับมาเปลี่ยนบทบาทเป็นผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่รองจากอินเดีย ไทย เวียดนาม และปากีสถาน ที่สำคัญจีนยังดัมพ์ราคาข้าวขาวมาอยู่ที่ตันละ 300 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งต่ำกว่าไทยประมาณ 100 ดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลให้ข้าวไทยในตลาดแอฟริกาถูกข้าวจีนแย่งส่วนแบ่งตลาดไปจำนวนหนึ่ง
“จากการสอบถามผู้ส่งออกข้าวพบว่า ผู้ส่งออกไทยจำนวนมากยังไม่มีคำสั่งซื้อใหม่ๆ เข้ามา ยกเว้นคำสั่งซื้อเก่าที่เคยสั่งมาก่อนหน้านี้ โดยเฉพาะตลาดแอฟริกา ส่วนหนึ่งมาจากข้าวจีนราคาต่ำเข้ามาตีตลาด คาดว่าในปีนี้จีนจะสามารถส่งออกข้าวได้ 3 ล้านตัน และคาดว่าในอนาคตอาจมีปริมาณส่งออกเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวของทุกๆ ประเทศ ประกอบกับค่าเงินบาทไทยที่แข็งค่าต่อเนื่องมากกว่าคู่แข่งทุกประเทศ ทำให้ผู้ส่งออกตั้งราคาข้าวในระดับต่ำเพื่อแข่งขันลำบาก”
ทั้งนี้ หากเปรียบเทียบราคาข้าวเปลือกเจ้า (ข้าวขาว) ของประเทศต่างๆ พบว่า ข้าวเปลือกไทยอยู่ที่ตันละ 7,800 บาท เวียดนามตันละ 5,970 บาท สหรัฐราคาสูงสุดตันละ 8,100 บาท อินเดียตันละ 7,270 บาท และกัมพูชาตันละ 6,700 บาท
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยที่ทำให้สถานการณ์ข้าวขาวกับข้าวหอมมะลิต่างกันมากคือ ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นแหล่งปลูกข้าวหอมมะลิที่สำคัญของไทยได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง ทำให้ผลผลิตลดลง ขณะที่ข้าวขาว 5%
ส่วนใหญ่อยู่ในภาคกลางซึ่งเป็นภาคที่มีระบบชลประทานเข้าถึงพื้นที่เกษตรได้มาก
นายชูเกียรติ กล่าวว่า ต้องการให้รัฐบาลชุดใหม่ผลักดันส่งออกข้าวในไทย โดยการเร่งรัดให้จีนเข้ามารับซื้อตามสัญญารัฐต่อรัฐ (G to G) จำนวน 1 ล้านตัน ให้ครบตามสัญญาจากก่อนหน้านี้ที่จีนรับข้าวไทยไปแล้ว 700,000 ตัน และเหลืออีก 300,000 ตัน ที่รัฐบาลจีนเว้นช่วงในการรับสินค้าไปนานมาก อย่างไรก็ตาม ในอนาคตยอดการส่งออกข้าวไทยอาจไม่สูงมากนัก เพราะในส่วนของการส่งออกข้าวจีทูจีอาจลดลง และอาจเปลี่ยนเป็นการส่งออกข้าวแบบจีทูพี หรือรัฐกับเอกชนแทน
ขณะเดียวกันประเทศผู้นำเข้าข้าวรายใหญ่ของเอเชียบางประเทศเริ่มเปลี่ยนวิธีการนำเข้าจากเดิม โดยอาจจัดสรรเป็นโควตานำเข้าข้าวจากแต่ละประเทศ แต่ปัจจุบันหลายประเทศเพิ่มโอกาสให้เอกชนนำเข้าเสรีมากขึ้น ซึ่งในส่วนนี้เวียดนามจะได้เปรียบประเทศไทยที่ตั้งราคาข้าวต่ำ และค่าเงินแข็งค่าน้อยกว่า
ที่มา: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
อินโดนีเซีย
สำนักข่าว Bloomberg รายงานว่า สภาพแห้งแล้งแบบถาวรมีแนวโน้มที่จะส่งผลกระทบต่อพื้นที่เพาะปลูก ข้าวหลายแห่งในอินโดนีเซีย
กระทรวงเกษตรของอินโดนีเซียคาดการณ์ว่า สภาพอากาศที่แห้งแล้งจะส่งผลกระทบต่อพื้นที่มากกว่า 125,000 ไร่ ขณะที่เจ้าหน้าที่การเกษตรตั้งข้อสังเกตว่า ภัยแล้งอาจจะส่งผลกระทบต่อพืชผลทางการเกษตรโดยรวม รุนแรงมาก ซึ่งพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้งกำลังเพิ่มขึ้นและอาจสูงถึง 1.25 ล้านไร่ ขณะที่พื้นที่เสียหายอาจเพิ่มเป็น 250,000 ไร่ ไปจนถึงช่วงสิ้นสุดฤดูแล้งในเดือนตุลาคมนี้ ซึ่งนักพยากรณ์อากาศเตือนว่าอินโดนีเซียอาจได้รับผลกระทบจากปรากฏการณ์เอลนีโญแบบอ่อน (weak El Nino) ไปจนถึงช่วงปลายปีนี้
ขณะที่ประธานาธิบดีได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินมาตรการเพื่อบรรเทาผลกระทบจากภัยแล้งต่อพื้นที่นาข้าว เช่น การทำฝนเทียม การใช้เมล็ดพันธุ์ที่ทนต่อภาวะแห้งแล้ง รวมถึงการป้องกันไฟป่า
ด้านโฆษกหน่วยงานด้านภัยพิบัติแห่งชาติระบุว่า หน่วยงานบรรเทาสาธารณภัย กรมอุตุนิยมวิทยาและ กองทัพอากาศจะร่วมมือกันสร้างฝนเทียมเพื่อบรรเทาความแห้งแล้งต่อไป
ที่มา: สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย
ฟิลิปปินส์
ประธานาธิบดีโรดรีโก ดูแตร์เต ของฟิลิปปินส์ประกาศว่า รัฐบาลจะระงับการนำเข้าข้าวในช่วงฤดูเก็บเกี่ยว
เพื่อเป็นการเพิ่มรายได้ของเกษตรกรที่กำลังเก็บเกี่ยวข้าว โดยเขาจะให้ความสำคัญกับการจัดหาข้าวเปลือกในประเทศมากกว่าการนำเข้า
ทั้งนี้ การประกาศของประธานาธิบดีเป็นไปตามข้อร้องเรียนของเกษตรกรผู้ปลูกข้าวในประเทศเกี่ยวกับการลดลงของราคาข้าวเปลือกในขณะนี้ ซึ่งราคาข้าวเปลือกลดลงเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 12-14 เปโซต่อกิโลกรัม (ประมาณ 234-274 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อตัน) ในพื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศ ซึ่งลดลงจากระดับ 20 เปโซต่อกิโลกรัม (ประมาณ 391 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อตัน) ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา
สำนักงานศุลกากรฟิลิปปินส์ (The Philippines Bureau of Customs; BoC) รายงานว่า หลังจากที่รัฐบาล
ได้ใช้มาตรการนำเข้าข้าวโดยเสรี ซึ่งเป็นไปตามกฎหมายใหม่ (the Rice Liberalization Act) ที่มีผลบังคับใช้ในช่วง
ต้นปีที่ผ่านมานั้น ณ วันที่ 15 กรกฎาคม 2562 สามารถจัดเก็บภาษีนำเข้าข้าวได้แล้วประมาณ 6.479 พันล้านเปโซ หรือประมาณ 127 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือเฉลี่ยเดือนละประมาณ 1.4 พันล้านเปโซ หรือประมาณ 27 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
ทั้งนี้ จำนวนภาษีที่เก็บได้คิดเป็นร้อยละ 60 ของเป้าหมาย 10 ล้านเปโซ (ประมาณ 196 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) ซึ่งเป็นเงินทุนที่จะนำไปใช้ในกองทุนเพิ่มความสามารถในการแข่งขันด้านข้าวของประเทศ (the Rice Competitiveness Enhancement Fund; RCEF) นอกจากนี้ ยังมีภาษีที่องค์การอาหารแห่งชาติ (the National Food Authority; NFA) เก็บจากผู้นำเข้าข้าวที่ NFA จัดสรรโควตาให้เอกชนนำเข้า (ในระบบ MAV ตามกฎหมายเดิม) ที่สิ้นสุดเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา อีกประมาณ 3.103 พันล้านเปโซ หรือประมาณ 61 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
ทางด้านสมาพันธ์สมาคมธัญพืช (the Philippine Confederation of Grains Associations; PCGA)
ของฟิลิปปินส์ ได้เรียกร้องให้รัฐบาลกำหนดกฎเกณฑ์ที่เข้มงวดมากขึ้น สำหรับการตรวจสอบการนำเข้าภายใต้ พระราชบัญญัติการเปิดเสรีข้าว (the Rice Liberalization Act)
สำนักงานสถิติแห่งชาติ (the Philippine Statistics Agency; PSA) รายงานว่า ในช่วงสัปดาห์ที่ 2 ของเดือนกรกฎาคม 2562 ราคาข้าวเปลือกปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่ราคาข้าวสารมีแนวโน้มอ่อนตัวลงจากช่วงสัปดาห์ก่อนหน้า (ราคาข้าวเคยพุ่งสูงขึ้นไปสู่ระดับสูงสุดในช่วงสัปดาห์ที่ 2 ของเดือนกันยายน 2561) โดยราคาข้าวเปลือกเฉลี่ย (The average farm-gate paddy price) อยู่ที่ 17.87 เปโซต่อกิโลกรัม หรือประมาณ 350.52 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อตัน เพิ่มขึ้นจาก 17.78 เปโซต่อกิโลกรัม หรือประมาณ 347.68 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อตัน ในช่วงสัปดาห์ก่อน แต่ลดลงประมาณร้อยละ 2.4 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา
ขณะที่ราคาขายส่งข้าวสารเกรดดี (The average wholesale price of the well-milled rice) อยู่ที่ 39.08 เปโซต่อกิโลกรัม หรือประมาณ 766.55 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อตัน ลดลงจาก 39.26 เปโซต่อกิโลกรัม หรือประมาณ 766.7 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อตัน จากช่วงสัปดาห์ก่อน และลดลงร้อยละ 7.1 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนราคาขายปลีกข้าวสารเกรดดี (The average retail price of the well-milled rice) อยู่ที่ระดับ 42.88 เปโซต่อกิโลกรัม หรือประมาณ 841.08 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อตัน เพิ่มขึ้นจาก 42.77 เปโซต่อกิโลกรัม หรือประมาณ 836.34 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อตัน ในสัปดาห์ก่อนหน้า และลดลงร้อยละ 4.3 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ส่วนราคาขายส่งข้าวสารเกรดธรรมดา (The average wholesale price of the regular-milled rice) อยู่ที่ 35.31 เปโซต่อกิโลกรัม หรือประมาณ 692.60 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อตัน ลดลงจาก 35.34 เปโซต่อกิโลกรัม หรือประมาณ 691.05 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อตัน ในช่วงสัปดาห์ก่อน และลดลงร้อยละ 9 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา และราคาขายปลีกข้าวสารเกรดธรรมดา (The average retail price of the regular-milled rice) อยู่ที่ 38.4 เปโซต่อกิโลกรัม หรือประมาณ 753.21 เหรียญสหรัฐต่อตัน ลดลงจาก 38.45 เปโซต่อกิโลกรัม หรือประมาณ 751.87 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อตัน จากช่วงสัปดาห์ก่อน และลดลงร้อยละ 6.8 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา
ที่มา: สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย
กราฟราคาที่เกษตรกรขายได้ข้าวเปลือกเจ้าความชื้น 15% และราคาขายส่งตลาด กทม. ข้าวสารเจ้า 5%
ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์
1. สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาในประเทศ
ราคาข้าวโพดภายในประเทศในช่วงสัปดาห์นี้ มีดังนี้
ราคาข้าวโพดที่เกษตรกรขายได้ความชื้นไม่เกิน 14.5 % สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 7.33 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 7.62 ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 3.81 และราคาข้าวโพดที่เกษตรกรขายได้ความชื้นเกิน 14.5 % สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 5.93 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 6.17 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 3.89
ราคาข้าวโพดขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ ที่โรงงานอาหารสัตว์รับซื้อสัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 8.82 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 8.83 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.11 และราคาขายส่งไซโลรับซื้อสัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 8.07 บาท เพิ่มขึ้นจากกิโลกรัมละ 7.90 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 2.15
ราคาส่งออก เอฟ.โอ.บี. สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 294.25 ดอลลาร์สหรัฐ (9,006 บาท/ตัน) เพิ่มขึ้นจากตันละ 294.00 ดอลลาร์สหรัฐ (8,997 บาท/ตัน) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.09 และเพิ่มขึ้นในรูปของเงินบาทตันละ 9 บาท
ราคาซื้อขายล่วงหน้าในตลาดชิคาโกเดือนกันยายน 2562 ข้าวโพดเมล็ดเหลืองอเมริกันชั้น 2 สัปดาห์นี้เฉลี่ยบุชเชลละ 407.08 เซนต์ (4,975 บาท/ตัน) ลดลงจากบุชเชลละ 424.12 เซนต์ (5,183 บาท/ตัน) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 4.02 และลดลงในรูปของเงินบาทตันละ 208 บาท
ราคาข้าวโพดภายในประเทศในช่วงสัปดาห์นี้ มีดังนี้
ราคาข้าวโพดที่เกษตรกรขายได้ความชื้นไม่เกิน 14.5 % สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 7.33 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 7.62 ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 3.81 และราคาข้าวโพดที่เกษตรกรขายได้ความชื้นเกิน 14.5 % สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 5.93 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 6.17 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 3.89
ราคาข้าวโพดขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ ที่โรงงานอาหารสัตว์รับซื้อสัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 8.82 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 8.83 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.11 และราคาขายส่งไซโลรับซื้อสัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 8.07 บาท เพิ่มขึ้นจากกิโลกรัมละ 7.90 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 2.15
ราคาส่งออก เอฟ.โอ.บี. สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 294.25 ดอลลาร์สหรัฐ (9,006 บาท/ตัน) เพิ่มขึ้นจากตันละ 294.00 ดอลลาร์สหรัฐ (8,997 บาท/ตัน) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.09 และเพิ่มขึ้นในรูปของเงินบาทตันละ 9 บาท
ราคาซื้อขายล่วงหน้าในตลาดชิคาโกเดือนกันยายน 2562 ข้าวโพดเมล็ดเหลืองอเมริกันชั้น 2 สัปดาห์นี้เฉลี่ยบุชเชลละ 407.08 เซนต์ (4,975 บาท/ตัน) ลดลงจากบุชเชลละ 424.12 เซนต์ (5,183 บาท/ตัน) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 4.02 และลดลงในรูปของเงินบาทตันละ 208 บาท
มันสำปะหลัง
สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
การผลิต
ผลผลิตมันสำปะหลัง ปี 2562 (เริ่มออกสู่ตลาดตั้งแต่เดือนตุลาคม 2561 – กันยายน 2562) คาดว่ามีพื้นที่เก็บเกี่ยว 8.70 ล้านไร่ ผลผลิต 31.43 ล้านตัน ผลผลลิตต่อไร่ 3.62 ตัน เมื่อเทียบกับปี 2561
ที่มีพื้นที่เก็บเกี่ยว 8.33 ล้านไร่ ผลผลิต 29.37 ล้านตัน และผลผลิตต่อไร่ 3.53 ตัน พบว่า พื้นที่เก็บเกี่ยว ผลผลิต และผลผลิตต่อไร่ สูงขึ้นร้อยละ 4.44 ร้อยละ 7.01 และร้อยละ 2.55 ตามลำดับ โดยเดือนกรกฎาคม 2562
คาดว่าจะมีผลผลิตออกสู่ตลาด 0.40 ล้านตัน (ร้อยละ 1.27 ของผลผลิตทั้งหมด)
ทั้งนี้ผลผลิตมันสำปะหลังปี 2562 จะออกสู่ตลาดมากในช่วงเดือนมกราคม – มีนาคม 2562 ปริมาณ 21.06 ล้านตัน (ร้อยละ 67 ของผลผลิตทั้งหมด)
การตลาด
เป็นช่วงปลายฤดูการเก็บเกี่ยว ส่งผลให้ผลผลิตออกสู่ตลาดน้อย ทั้งนี้ราคาหัวมันสำปะหลังปรับตัวลดลง เนื่องจาก ราคาส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังมีแนวโน้มลดลง ประกอบกับหัวมันสำปะหลังมีเชื้อแป้งค่อนข้างต่ำ
ราคาที่เกษตรกรขายได้ทั้งประเทศประจำสัปดาห์ สรุปได้ดังนี้
ราคาหัวมันสำปะหลังสด สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 1.67 บาท ราคาสูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 1.66 บาท
ในสัปดาห์ก่อนคิดเป็นร้อยละ 0.60
ราคามันเส้น สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 4.88 บาท ราคาสูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 4.78 บาท
ในสัปดาห์ก่อนคิดเป็นร้อยละ 3.17
ราคาขายส่งในประเทศ
ราคาขายส่งมันเส้น (ส่งมอบ ณ คลังสินค้าเขต จ.ชลบุรี และ จ.อยุธยา) สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 6.56 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ราคาขายส่งแป้งมันสำปะหลังชั้นพิเศษ (ส่งมอบ ณ คลังสินค้าเขต กรุงเทพและปริมณฑล) สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 13.15 ราคาสูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 13.03 บาทในสัปดาห์ก่อนคิดเป็นร้อยละ 0.92
ราคาส่งออก เอฟ.โอ.บี
ราคาส่งออกมันเส้น สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 238 ดอลลาร์สหรัฐฯ (7,284 บาทต่อตัน) ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน (7,284 บาทต่อตัน)
ราคาส่งออกแป้งมันสำปะหลัง สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 450 ดอลลาร์สหรัฐฯ (13,773 บาทต่อตัน) ราคาสูงขึ้นจากตันละ 445 ดอลลาร์สหรัฐฯ (13,619 บาทต่อตัน) ในสัปดาห์ก่อน คิดเป็นร้อยละ 1.12
การผลิต
ผลผลิตมันสำปะหลัง ปี 2562 (เริ่มออกสู่ตลาดตั้งแต่เดือนตุลาคม 2561 – กันยายน 2562) คาดว่ามีพื้นที่เก็บเกี่ยว 8.70 ล้านไร่ ผลผลิต 31.43 ล้านตัน ผลผลลิตต่อไร่ 3.62 ตัน เมื่อเทียบกับปี 2561
ที่มีพื้นที่เก็บเกี่ยว 8.33 ล้านไร่ ผลผลิต 29.37 ล้านตัน และผลผลิตต่อไร่ 3.53 ตัน พบว่า พื้นที่เก็บเกี่ยว ผลผลิต และผลผลิตต่อไร่ สูงขึ้นร้อยละ 4.44 ร้อยละ 7.01 และร้อยละ 2.55 ตามลำดับ โดยเดือนกรกฎาคม 2562
คาดว่าจะมีผลผลิตออกสู่ตลาด 0.40 ล้านตัน (ร้อยละ 1.27 ของผลผลิตทั้งหมด)
ทั้งนี้ผลผลิตมันสำปะหลังปี 2562 จะออกสู่ตลาดมากในช่วงเดือนมกราคม – มีนาคม 2562 ปริมาณ 21.06 ล้านตัน (ร้อยละ 67 ของผลผลิตทั้งหมด)
การตลาด
เป็นช่วงปลายฤดูการเก็บเกี่ยว ส่งผลให้ผลผลิตออกสู่ตลาดน้อย ทั้งนี้ราคาหัวมันสำปะหลังปรับตัวลดลง เนื่องจาก ราคาส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังมีแนวโน้มลดลง ประกอบกับหัวมันสำปะหลังมีเชื้อแป้งค่อนข้างต่ำ
ราคาที่เกษตรกรขายได้ทั้งประเทศประจำสัปดาห์ สรุปได้ดังนี้
ราคาหัวมันสำปะหลังสด สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 1.67 บาท ราคาสูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 1.66 บาท
ในสัปดาห์ก่อนคิดเป็นร้อยละ 0.60
ราคามันเส้น สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 4.88 บาท ราคาสูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 4.78 บาท
ในสัปดาห์ก่อนคิดเป็นร้อยละ 3.17
ราคาขายส่งในประเทศ
ราคาขายส่งมันเส้น (ส่งมอบ ณ คลังสินค้าเขต จ.ชลบุรี และ จ.อยุธยา) สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 6.56 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ราคาขายส่งแป้งมันสำปะหลังชั้นพิเศษ (ส่งมอบ ณ คลังสินค้าเขต กรุงเทพและปริมณฑล) สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 13.15 ราคาสูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 13.03 บาทในสัปดาห์ก่อนคิดเป็นร้อยละ 0.92
ราคาส่งออก เอฟ.โอ.บี
ราคาส่งออกมันเส้น สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 238 ดอลลาร์สหรัฐฯ (7,284 บาทต่อตัน) ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน (7,284 บาทต่อตัน)
ราคาส่งออกแป้งมันสำปะหลัง สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 450 ดอลลาร์สหรัฐฯ (13,773 บาทต่อตัน) ราคาสูงขึ้นจากตันละ 445 ดอลลาร์สหรัฐฯ (13,619 บาทต่อตัน) ในสัปดาห์ก่อน คิดเป็นร้อยละ 1.12
ปาล์มน้ำมัน
1. สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร คาดว่าปี 2562 ผลผลิตปาล์มน้ำมันเดือนกรกฎาคมจะมีประมาณ 1.203 ล้านตัน คิดเป็นน้ำมันปาล์มดิบ 0.217 ล้านตัน ลดลงจากผลผลิตปาล์มทะลาย 1.282ล้านตัน คิดเป็นน้ำมันปาล์มดิบ 0.231 ล้านตัน ของเดือนมิถุนายน คิดเป็นร้อยละ 6.16 และร้อยละ 6.06 ตามลำดับ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาผลปาล์มทะลาย สัปดาห์นี้เฉลี่ย กก.ละ 2.07 บาทลดลงจาก กก.ละ 2.34 บาทในสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 11.54
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาน้ำมันปาล์มดิบ สัปดาห์นี้เฉลี่ยกก.ละ16.66บาทสูงขึ้นจาก กก.ละ 15.68 บาทในสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 6.25
2. ภาวะการผลิต การตลาด และราคาในตลาดต่างประเทศ
ราคาน้ำมันปาล์มของมาเลเซียคาดว่าจะปรับตัวสูงขึ้น
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าราคาน้ำมันปาล์มดิบซื้อขายล่วงหน้าตลาดมาเลเซียคาดว่าจะปรับตัวสูงขึ้นในเดือนกันยายน 2562 เพิ่มขึ้นอยู่ที่ 2,200 ริงกิตต่อตัน (534 ดอลลาร์สหรัฐฯ) เนื่องจากความต้องการน้ำมันบริโภคที่เพิ่มขึ้น และคาดการณ์ผลผลิตปาล์มน้ำมันของมาเลเซียมีแนวโน้มเพิ่มอยู่ที่ 20.3 ล้านตัน และผลผลิตปาล์มน้ำมันของอินโดนีเซียเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 45 ล้านตัน ซึ่งผลผลิตปาล์มน้ำมันได้คาดการณ์เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม คาดว่าราคาน้ำมันปาล์มดิบของมาเลเซียมีแนวโน้มสูงขึ้นเนื่องจากความต้องการน้ำมันเพื่อการบริโภคที่เพิ่มขึ้น
ราคาในตลาดต่างประเทศ
ตลาดมาเลเซีย ราคาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันปาล์มดิบสัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ2,002.02ดอลลาร์มาเลเซีย (15.19 บาท/กก.)สูงขึ้นจากตันละ1,955.89 ดอลลาร์มาเลเซีย (14.89บาท/กก.)ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 2.36
ตลาดรอตเตอร์ดัม ราคาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันปาล์มดิบสัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ507.00ดอลลาร์สหรัฐฯ(15.74บาท/กก.)สูงขึ้นจากตันละ500.50 ดอลลาร์สหรัฐฯ(15.54บาท/กก.)ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 1.30
หมายเหตุ : ราคาในตลาดต่างประเทศเฉลี่ย 5 วัน
อ้อยและน้ำตาล
1. สรุปภาวะการผลิต การตลาดและราคาในประเทศ
ไม่มีรายงาน
2. สรุปภาวการณ์ผลิตการตลาดและราคาในต่างประเทศ
ไม่มีรายงาน
2. สรุปภาวการณ์ผลิตการตลาดและราคาในต่างประเทศ
ถั่วเหลือง
1. ภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาถั่วเหลืองชนิดคละ สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งถั่วเหลืองสกัดน้ำมัน สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 18.50 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
2. ภาวะการผลิต การตลาด และราคาในตลาดต่างประเทศ
ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาขู่จะขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเพิ่มอีก 10 เปอร์เซ็นต์
การขึ้นภาษีนำเข้าเพิ่มของสหรัฐอเมริกาจะมีผลวันที่ 1 กันยายน 2562 ผลกระทบจากเหตุการณ์นี้ทำให้ราคาน้ำมันดิบลดลง และตลาดหุ้น S&P 500 และดาวโจนส์ปิดตัวลดลง โดยประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาต้องการขึ้นภาษีนำเข้า เนื่องจากจีนไม่ทำตามข้อตกลงที่จะเพิ่มการซื้อสินค้าเกษตรจากอเมริกา โดยจะมีการเจรจาทางการค้าระหว่างจีนกับอเมริกาอีกครั้งในเดือนกันยายน
ราคาในตลาดต่างประเทศ(ตลาดชิคาโก)
ราคาซื้อขายล่วงหน้าเมล็ดถั่วเหลือง สัปดาห์นี้เฉลี่ยบุชเชลละ 871.68 เซนต์ (9.94 บาท/กก.) ลดลงจากบุชเชลละ 889.72 เซนต์ (10.15 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 2.03
ราคาซื้อขายล่วงหน้ากากถั่วเหลือง สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 299.80 ดอลลาร์สหรัฐฯ (9.31 บาท/กก.) ลดลงจากตันละ 307.24 ดอลลาร์สหรัฐฯ (9.54 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 2.42
ราคาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันถั่วเหลืองสัปดาห์นี้เฉลี่ยปอนด์ละ 28.13 เซนต์ (19.24 บาท/กก.) สูงขึ้นจากปอนด์ละ 28.08 เซนต์ (19.21 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 0.18
1. ภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาถั่วเหลืองชนิดคละ สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งถั่วเหลืองสกัดน้ำมัน สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 18.50 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
2. ภาวะการผลิต การตลาด และราคาในตลาดต่างประเทศ
ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาขู่จะขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเพิ่มอีก 10 เปอร์เซ็นต์
การขึ้นภาษีนำเข้าเพิ่มของสหรัฐอเมริกาจะมีผลวันที่ 1 กันยายน 2562 ผลกระทบจากเหตุการณ์นี้ทำให้ราคาน้ำมันดิบลดลง และตลาดหุ้น S&P 500 และดาวโจนส์ปิดตัวลดลง โดยประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาต้องการขึ้นภาษีนำเข้า เนื่องจากจีนไม่ทำตามข้อตกลงที่จะเพิ่มการซื้อสินค้าเกษตรจากอเมริกา โดยจะมีการเจรจาทางการค้าระหว่างจีนกับอเมริกาอีกครั้งในเดือนกันยายน
ราคาในตลาดต่างประเทศ(ตลาดชิคาโก)
ราคาซื้อขายล่วงหน้าเมล็ดถั่วเหลือง สัปดาห์นี้เฉลี่ยบุชเชลละ 871.68 เซนต์ (9.94 บาท/กก.) ลดลงจากบุชเชลละ 889.72 เซนต์ (10.15 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 2.03
ราคาซื้อขายล่วงหน้ากากถั่วเหลือง สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 299.80 ดอลลาร์สหรัฐฯ (9.31 บาท/กก.) ลดลงจากตันละ 307.24 ดอลลาร์สหรัฐฯ (9.54 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 2.42
ราคาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันถั่วเหลืองสัปดาห์นี้เฉลี่ยปอนด์ละ 28.13 เซนต์ (19.24 บาท/กก.) สูงขึ้นจากปอนด์ละ 28.08 เซนต์ (19.21 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 0.18
ยางพารา
ราคายางแผ่นดิบคุณภาพ 3 ตลาดกลางหาดใหญ่ สัปดาห์นี้ 43.65 บาท/กิโลกรัม
ยางพารา
1. ราคายางพาราภายในประเทศ
1.1 ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
1) ยางแผ่นดิบคุณภาพที่ 1 ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 45.53 บาท ลดลงจาก 46.14 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา กิโลกรัมละ 0.61 บาท หรือลดลงร้อยละ 1.32
2) ยางแผ่นดิบคุณภาพที่ 2 ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 45.03 บาท ลดลงจาก 45.64 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา กิโลกรัมละ 0.61 บาท หรือลดลงร้อยละ 1.34
3) ยางแผ่นดิบคุณภาพที่ 3 ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 44.53 บาท ลดลงจาก 45.14 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา กิโลกรัมละ 0.61 บาท หรือลดลงร้อยละ 1.35
4) ยางก้อนคละ ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 21.43 บาท ลดลงจาก 21.75 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา กิโลกรัมละ 0.32 บาท หรือลดลงร้อยละ 1.47
5) เศษยางคละ ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 18.54 บาท ลดลงจาก 18.88 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา กิโลกรัมละ 0.34 บาท หรือลดลงร้อยละ 1.80
6) น้ำยางสดคละ ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 40.50 บาท ลดลงจาก 41.24 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา กิโลกรัมละ 0.74 บาท หรือลดลงร้อยละ 1.79
1.2 ราคาส่งออก เอฟ.โอ.บี. ซื้อขายล่วงหน้าส่งมอบเดือนสิงหาคม
ณ ท่าเรือกรุงเทพ
1) ยางแผ่นรมควันชั้น 1 ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 52.79 บาท ลดลงจาก 55.87 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา กิโลกรัมละ 3.08 บาท หรือลดลงร้อยละ 5.52
2) ยางแผ่นรมควันชั้น 3 ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 51.64 บาท ลดลงจาก 54.72 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา กิโลกรัมละ 3.08 บาท หรือลดลงร้อยละ 5.63
3) ยางแท่ง (STR20) ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 43.63 บาท ลดลงจาก 45.71 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา กิโลกรัมละ 2.08 บาท หรือลดลงร้อยละ 4.56
4) น้ำยางข้น ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 35.28 บาท ลดลงจาก 36.80 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา กิโลกรัมละ 1.52 บาท หรือลดลงร้อยละ 4.14
ณ ท่าเรือสงขลา
1) ยางแผ่นรมควันชั้น 1 ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 52.54 บาท ลดลงจาก 55.62 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา กิโลกรัมละ 3.08 บาท หรือลดลงร้อยละ 5.54
2) ยางแผ่นรมควันชั้น 3 ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 51.39 บาท ลดลงจาก 54.47 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา กิโลกรัมละ 3.08 บาท หรือลดลงร้อยละ 5.66
3) ยางแท่ง (STR20) ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 43.38 บาท ลดลงจาก 45.46 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา กิโลกรัมละ 2.08 บาท หรือลดลงร้อยละ 4.59
4) น้ำยางข้น ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 35.03 บาท ลดลงจาก 36.55 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา กิโลกรัมละ 1.52 บาท หรือลดลงร้อยละ 4.17
2. ราคายางแผ่นรมควันชั้น 3 ในตลาดล่วงหน้าต่างประเทศ
2.1 ราคาซื้อขายล่วงหน้าตลาดสิงคโปร์ เฉลี่ยกิโลกรัมละ 162.48 เซนต์สหรัฐฯ (49.72 บาท) ลดลงจาก 172.88 เซนต์สหรัฐฯ (52.91 บาท) ของสัปดาห์ที่ผ่านมากิโลกรัมละ 10.40 เซนต์สหรัฐฯ หรือลดลงร้อยละ 6.02
2.2 ราคาซื้อขายล่วงหน้าตลาดโตเกียว เฉลี่ยกิโลกรัมละ 221.02 เยน (61.66 บาท) ลดลงจาก 227.60 เยน (63.95 บาท) ของสัปดาห์ที่ผ่านมากิโลกรัมละ 6.58 เยน หรือลดลงร้อยละ 2.89
สับปะรด
ถั่วเขียว
สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ถั่วเขียวผิวมันเมล็ดใหญ่คละสัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 18.59 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ถั่วเขียวผิวมันเมล็ดเล็กคละ และถั่วเขียวผิวดำคละ สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ถั่วเขียวผิวมันเกรดเอ สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 29.25 บาท สูงขึ้นจากราคากิโลกรัมละ 29.00 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.86
ถั่วเขียวผิวมันเกรดบี สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 26.25 บาท สูงขึ้นจากราคากิโลกรัมละ 26.00 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.96
ถั่วเขียวผิวดำ ชั้น 1 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 28.75 บาท ลดลงจากราคากิโลกรัมละ 29.00 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.86
ถั่วเขียวผิวดำ ชั้น 2 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 16.75 บาท ลดลงจากราคากิโลกรัมละ 17.00 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.47
ถั่วนิ้วนางแดง สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 31.25 บาท ลดลงจากราคากิโลกรัมละ 31.00 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.81
ราคาส่งออก เอฟ.โอ.บี
ถั่วเขียวผิวมันเกรดเอ สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 987.50 ดอลลาร์สหรัฐ (30.22 บาท/กิโลกรัม) สูงขึ้นจากตันละ 979.20 ดอลลาร์สหรัฐ (29.97 บาท/กิโลกรัม) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.85 และสูงขึ้นในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.25บาท
ถั่วเขียวผิวมันเกรดบี สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 889.25 ดอลลาร์สหรัฐ (27.22 บาท/กิโลกรัม) สูงขึ้นจากตันละ 870.60 ดอลลาร์สหรัฐ (26.64 บาท/กิโลกรัม) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 2.14 และสูงขึ้นรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.58 บาท
ถั่วเขียวผิวดำ ชั้น 1 สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 971.25 ดอลลาร์สหรัฐ (29.73 บาท/กิโลกรัม) ลดลงจากตันละ 979.20 ดอลลาร์สหรัฐ (29.97 บาท/กิโลกรัม) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.81 และลดลงในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.24บาท
ถั่วเขียวผิวดำ ชั้น 2 สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 576.75 ดอลลาร์สหรัฐ (17.65 บาท/กิโลกรัม) ลดลงจากตันละ 584.80 ดอลลาร์สหรัฐ (17.90 บาท/กิโลกรัม) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.38 และลดลงในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.25 บาท
ถั่วนิ้วนางแดง สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 1,046.75 ดอลลาร์สหรัฐ (32.04 บาท/กิโลกรัม) สูงขึ้นจากตันละ 1,038.40 ดอลลาร์สหรัฐ (31.78 บาท/กิโลกรัม) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.80 และสูงขึ้นในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.26 บาท
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ถั่วเขียวผิวมันเมล็ดใหญ่คละสัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 18.59 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ถั่วเขียวผิวมันเมล็ดเล็กคละ และถั่วเขียวผิวดำคละ สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ถั่วเขียวผิวมันเกรดเอ สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 29.25 บาท สูงขึ้นจากราคากิโลกรัมละ 29.00 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.86
ถั่วเขียวผิวมันเกรดบี สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 26.25 บาท สูงขึ้นจากราคากิโลกรัมละ 26.00 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.96
ถั่วเขียวผิวดำ ชั้น 1 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 28.75 บาท ลดลงจากราคากิโลกรัมละ 29.00 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.86
ถั่วเขียวผิวดำ ชั้น 2 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 16.75 บาท ลดลงจากราคากิโลกรัมละ 17.00 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.47
ถั่วนิ้วนางแดง สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 31.25 บาท ลดลงจากราคากิโลกรัมละ 31.00 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.81
ราคาส่งออก เอฟ.โอ.บี
ถั่วเขียวผิวมันเกรดเอ สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 987.50 ดอลลาร์สหรัฐ (30.22 บาท/กิโลกรัม) สูงขึ้นจากตันละ 979.20 ดอลลาร์สหรัฐ (29.97 บาท/กิโลกรัม) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.85 และสูงขึ้นในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.25บาท
ถั่วเขียวผิวมันเกรดบี สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 889.25 ดอลลาร์สหรัฐ (27.22 บาท/กิโลกรัม) สูงขึ้นจากตันละ 870.60 ดอลลาร์สหรัฐ (26.64 บาท/กิโลกรัม) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 2.14 และสูงขึ้นรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.58 บาท
ถั่วเขียวผิวดำ ชั้น 1 สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 971.25 ดอลลาร์สหรัฐ (29.73 บาท/กิโลกรัม) ลดลงจากตันละ 979.20 ดอลลาร์สหรัฐ (29.97 บาท/กิโลกรัม) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.81 และลดลงในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.24บาท
ถั่วเขียวผิวดำ ชั้น 2 สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 576.75 ดอลลาร์สหรัฐ (17.65 บาท/กิโลกรัม) ลดลงจากตันละ 584.80 ดอลลาร์สหรัฐ (17.90 บาท/กิโลกรัม) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.38 และลดลงในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.25 บาท
ถั่วนิ้วนางแดง สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 1,046.75 ดอลลาร์สหรัฐ (32.04 บาท/กิโลกรัม) สูงขึ้นจากตันละ 1,038.40 ดอลลาร์สหรัฐ (31.78 บาท/กิโลกรัม) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.80 และสูงขึ้นในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.26 บาท
ถั่วลิสง
สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
ความเคลื่อนไหวของราคาประจำสัปดาห์ มีดังนี้
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาถั่วลิสงทั้งเปลือกแห้ง สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 67.50 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 61.50 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อย 9.76
ราคาถั่วลิสงทั้งเปลือกสด สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 37.50 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 36.67 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อย 2.26
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาถั่วลิสงกะเทาะเปลือกชนิดคัดพิเศษ สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 57.00 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 52.50 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อย 8.57
ราคาถั่วลิสงกะเทาะเปลือกชนิดคัดธรรมดา สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 51.38 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 48.00 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อย 7.04
ความเคลื่อนไหวของราคาประจำสัปดาห์ มีดังนี้
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาถั่วลิสงทั้งเปลือกแห้ง สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 67.50 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 61.50 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อย 9.76
ราคาถั่วลิสงทั้งเปลือกสด สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 37.50 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 36.67 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อย 2.26
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาถั่วลิสงกะเทาะเปลือกชนิดคัดพิเศษ สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 57.00 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 52.50 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อย 8.57
ราคาถั่วลิสงกะเทาะเปลือกชนิดคัดธรรมดา สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 51.38 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 48.00 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อย 7.04
ฝ้าย
1. สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
ราคาที่เกษตรกรขายได้
ราคาฝ้ายรวมเมล็ดชนิดคละ สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
ราคาซื้อ-ขายล่วงหน้าตลาดนิวยอร์ก (New York Cotton Futures)
ราคาซื้อ-ขายล่วงหน้า เพื่อส่งมอบเดือนตุลาคม 2562 สัปดาห์นี้เฉลี่ยปอนด์ละ 63.19 (กิโลกรัมละ 43.24 บาท) ลดลงจากปอนด์ละ 63.21 (กิโลกรัมละ 43.21 บาท) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.03 และลดลงในรูปของเงินบาทกิโลกรัมละ 0.01 บาท
ราคาที่เกษตรกรขายได้
ราคาฝ้ายรวมเมล็ดชนิดคละ สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
ราคาซื้อ-ขายล่วงหน้าตลาดนิวยอร์ก (New York Cotton Futures)
ราคาซื้อ-ขายล่วงหน้า เพื่อส่งมอบเดือนตุลาคม 2562 สัปดาห์นี้เฉลี่ยปอนด์ละ 63.19 (กิโลกรัมละ 43.24 บาท) ลดลงจากปอนด์ละ 63.21 (กิโลกรัมละ 43.21 บาท) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.03 และลดลงในรูปของเงินบาทกิโลกรัมละ 0.01 บาท
ไหม
ราคาเส้นไหมพื้นเมืองเกรด 1 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 1,705 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 1,677 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 1.67
ราคาเส้นไหมพื้นเมืองเกรด 2 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 1,362 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 1,347 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 1.11
ราคาเส้นไหมพื้นเมืองเกรด 3 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 839 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 822 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 2.07
ปศุสัตว์
สุกร
สถานการณ์การผลิต การค้า และราคาในประเทศ
สัปดาห์นี้ราคาสุกรมีชีวิตที่เกษตรกรขายได้ลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากปริมาณสุกรออกสู่ตลาดมากขึ้น ขณะที่ความต้องการบริโภคเนื้อสุกรลดลงเล็กน้อย แนวโน้มสัปดาห์หน้าคาดว่าราคาจะลดลงเล็กน้อย
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
สุกรมีชีวิตพันธุ์ผสมน้ำหนัก 100 กิโลกรัมขึ้นไป ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ กิโลกรัมละ 69.70 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 70.82 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 1.58 โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 70.83 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กิโลกรัมละ 68.49 บาท ภาคกลาง กิโลกรัมละ 69.38 บาท และภาคใต้ กิโลกรัมละ 71.91 บาท ส่วนราคาลูกสุกรตามประกาศของบริษัท ซี.พี. ในสัปดาห์นี้ ตัวละ 1,800 บาท (บวกลบ 64 บาท) ลดลงจากตัวละ 1,900 บาท (บวกลบ 66 บาท) ของสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 5.26
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งสุกรมีชีวิต ณ แหล่งผลิตภาคกลาง จากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยกิโลกรัมละ 67.00 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 69.00 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 2.90
สัปดาห์นี้ราคาสุกรมีชีวิตที่เกษตรกรขายได้ลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากปริมาณสุกรออกสู่ตลาดมากขึ้น ขณะที่ความต้องการบริโภคเนื้อสุกรลดลงเล็กน้อย แนวโน้มสัปดาห์หน้าคาดว่าราคาจะลดลงเล็กน้อย
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
สุกรมีชีวิตพันธุ์ผสมน้ำหนัก 100 กิโลกรัมขึ้นไป ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ กิโลกรัมละ 69.70 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 70.82 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 1.58 โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 70.83 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กิโลกรัมละ 68.49 บาท ภาคกลาง กิโลกรัมละ 69.38 บาท และภาคใต้ กิโลกรัมละ 71.91 บาท ส่วนราคาลูกสุกรตามประกาศของบริษัท ซี.พี. ในสัปดาห์นี้ ตัวละ 1,800 บาท (บวกลบ 64 บาท) ลดลงจากตัวละ 1,900 บาท (บวกลบ 66 บาท) ของสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 5.26
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งสุกรมีชีวิต ณ แหล่งผลิตภาคกลาง จากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยกิโลกรัมละ 67.00 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 69.00 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 2.90
ไก่เนื้อ
สถานการณ์การผลิต การค้า และราคาในประเทศ
สัปดาห์นี้ภาวะตลาดไก่เนื้อ ราคาไก่เนื้อมีชีวิตที่เกษตรกรขายได้ค่อนข้างทรงตัวจากสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากผลผลิตไก่เนื้อออกสู่ตลาดใกล้เคียงและสอดคล้องกับความต้องการบริโภคไก่เนื้อที่มีไม่มากนัก แนวโน้มสัปดาห์หน้าคาดว่าราคาจะทรงตัว
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาไก่เนื้อที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ กิโลกรัมละ 36.97 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 36.91บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 0.16 โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 35.00 บาท ภาคกลาง กิโลกรัมละ 36.89 บาท ภาคใต้ กิโลกรัมละ 40.23 บาท และภาคตะวันออกเฉียงเหนือไม่มีรายงาน ส่วนราคาลูกไก่เนื้อตามประกาศของบริษัท ซี.พี ในสัปดาห์นี้ ตัวละ 14.50 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งไก่มีชีวิตหน้าโรงฆ่า จากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยกิโลกรัมละ 36.50 บาท และราคาขายส่งไก่สดทั้งตัวรวมเครื่องใน เฉลี่ยกิโลกรัมละ 49.00 บาท ทรงตัวสัปดาห์ที่ผ่านมา
สัปดาห์นี้ภาวะตลาดไก่เนื้อ ราคาไก่เนื้อมีชีวิตที่เกษตรกรขายได้ค่อนข้างทรงตัวจากสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากผลผลิตไก่เนื้อออกสู่ตลาดใกล้เคียงและสอดคล้องกับความต้องการบริโภคไก่เนื้อที่มีไม่มากนัก แนวโน้มสัปดาห์หน้าคาดว่าราคาจะทรงตัว
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาไก่เนื้อที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ กิโลกรัมละ 36.97 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 36.91บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 0.16 โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 35.00 บาท ภาคกลาง กิโลกรัมละ 36.89 บาท ภาคใต้ กิโลกรัมละ 40.23 บาท และภาคตะวันออกเฉียงเหนือไม่มีรายงาน ส่วนราคาลูกไก่เนื้อตามประกาศของบริษัท ซี.พี ในสัปดาห์นี้ ตัวละ 14.50 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งไก่มีชีวิตหน้าโรงฆ่า จากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยกิโลกรัมละ 36.50 บาท และราคาขายส่งไก่สดทั้งตัวรวมเครื่องใน เฉลี่ยกิโลกรัมละ 49.00 บาท ทรงตัวสัปดาห์ที่ผ่านมา
ไข่ไก่
สถานการณ์การผลิต การค้า และราคาในประเทศ
สถานการณ์ไข่ไก่สัปดาห์นี้ ราคาไข่ไก่ที่เกษตรกรขายได้ลดลงเล็กน้อยจากสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากผลผลิตไข่ไก่ในท้องตลาดเริ่มมีมากขึ้น ขณะที่ความต้องการบริโภคไข่ไก่ลดลงเล็กน้อย แนวโน้มสัปดาห์หน้าคาดว่าราคาจะทรงตัวหรือลดลงเล็กน้อย
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาไข่ไก่ที่เกษตรกรขายได้ เฉลี่ยทั้งประเทศร้อยฟองละ 282 บาท ลดลงจากร้อยฟองละ 285 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 1.05 โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ ร้อยฟองละ 294 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร้อยฟองละ 282 บาท ภาคกลางร้อยฟองละ 280 บาท และภาคใต้ไม่มีรายงาน ส่วนราคาลูกไก่ไข่ตามประกาศของบริษัท ซี.พี. ในสัปดาห์นี้ ตัวละ 28.00 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งไข่ไก่ (เฉลี่ยเบอร์ 0-4) ในตลาดกรุงเทพฯจากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยร้อยฟองละ 331 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
สถานการณ์ไข่ไก่สัปดาห์นี้ ราคาไข่ไก่ที่เกษตรกรขายได้ลดลงเล็กน้อยจากสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากผลผลิตไข่ไก่ในท้องตลาดเริ่มมีมากขึ้น ขณะที่ความต้องการบริโภคไข่ไก่ลดลงเล็กน้อย แนวโน้มสัปดาห์หน้าคาดว่าราคาจะทรงตัวหรือลดลงเล็กน้อย
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาไข่ไก่ที่เกษตรกรขายได้ เฉลี่ยทั้งประเทศร้อยฟองละ 282 บาท ลดลงจากร้อยฟองละ 285 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 1.05 โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ ร้อยฟองละ 294 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร้อยฟองละ 282 บาท ภาคกลางร้อยฟองละ 280 บาท และภาคใต้ไม่มีรายงาน ส่วนราคาลูกไก่ไข่ตามประกาศของบริษัท ซี.พี. ในสัปดาห์นี้ ตัวละ 28.00 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งไข่ไก่ (เฉลี่ยเบอร์ 0-4) ในตลาดกรุงเทพฯจากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยร้อยฟองละ 331 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
ไข่เป็ด
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาไข่เป็ดที่เกษตรกรขายได้ เฉลี่ยทั้งประเทศร้อยฟองละ 327 บาท ลดลงจากร้อยฟองละ 328 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 0.30 โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ ร้อยฟองละ 341 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร้อยฟองละ 341 บาท ภาคกลาง ร้อยฟองละ 303 บาท และภาคใต้ไม่มีรายงาน
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งไข่เป็ดคละ ณ แหล่งผลิตภาคกลาง จากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยร้อยฟองละ 350 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาไข่เป็ดที่เกษตรกรขายได้ เฉลี่ยทั้งประเทศร้อยฟองละ 327 บาท ลดลงจากร้อยฟองละ 328 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 0.30 โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ ร้อยฟองละ 341 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร้อยฟองละ 341 บาท ภาคกลาง ร้อยฟองละ 303 บาท และภาคใต้ไม่มีรายงาน
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งไข่เป็ดคละ ณ แหล่งผลิตภาคกลาง จากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยร้อยฟองละ 350 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
โคเนื้อ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาโคพันธุ์ลูกผสม (ขนาดกลาง) ที่เกษตรกรขายได้ เฉลี่ยทั้งประเทศกิโลกรัมละ 88.61 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 88.80 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 0.21 โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 90.01 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กิโลกรัมละ 82.83 บาท ภาคกลาง กิโลกรัมละ 89.08 บาท และภาคใต้กิโลกรัมละ 100.73 บาท
ราคาโคพันธุ์ลูกผสม (ขนาดกลาง) ที่เกษตรกรขายได้ เฉลี่ยทั้งประเทศกิโลกรัมละ 88.61 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 88.80 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 0.21 โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 90.01 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กิโลกรัมละ 82.83 บาท ภาคกลาง กิโลกรัมละ 89.08 บาท และภาคใต้กิโลกรัมละ 100.73 บาท
กระบือ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคากระบือ (ขนาดกลาง) ที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศกิโลกรัมละ 67.82 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 67.98 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 0.24 โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 89.70 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กิโลกรัมละ 63.60 บาท ภาคกลางและภาคใต้ไม่มีรายงานราคา
ราคากระบือ (ขนาดกลาง) ที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศกิโลกรัมละ 67.82 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 67.98 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 0.24 โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 89.70 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กิโลกรัมละ 63.60 บาท ภาคกลางและภาคใต้ไม่มีรายงานราคา
ประมง
1. สถานการณ์การผลิต การตลาดและราคาในประเทศ
การผลิต
ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา (ระหว่างวันที่ 26 กรกฎาคม – 1 สิงหาคม 2562) ไม่มีรายงานปริมาณจากองค์การสะพานปลากรุงเทพฯ
การตลาด
ความเคลื่อนไหวของราคาสัตว์น้ำที่สำคัญประจำสัปดาห์นี้มีดังนี้ คือ
2.1 ปลาดุกบิ๊กอุย (ขนาด 3-4 ตัว/กก.) ราคาที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 45.00 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ เฉลี่ยกิโลกรัมละ 80.00 บาท
ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
2.2 ปลาช่อน (ขนาดกลาง) ราคาที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 83.68 บาท ราคาสูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 79.71 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 3.97 บาท
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ เฉลี่ยกิโลกรัมละ 120.00 บาท
ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
2.3 กุ้งกุลาดำ ราคาที่ชาวประมงขายได้ขนาด 60 ตัวต่อกิโลกรัมและราคา ณ ตลาดทะเลไทย จ.สมุทรสาครขนาดกลาง (60 ตัว/กก.) ไม่มีรายงานราคา
2.4 กุ้งขาวแวนนาไม ราคาที่ชาวประมงขายได้ขนาด 70 ตัวต่อกิโลกรัม เฉลี่ยกิโลกรัมละ 140.55 บาท ราคาลดลงจากกิโลกรัมละ 145.34 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 4.79 บาท
สำหรับราคา ณ ตลาดทะเลไทย จ.สมุทรสาครขนาด 70 ตัวต่อกิโลกรัม เฉลี่ยกิโลกรัมละ 140.83 บาท ราคาลดลงจากกิโลกรัมละ 141.67 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 0.84 บาท
2.5 ปลาทู (ขนาดกลาง) ราคาปลาทูสดที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 82.61 บาท ราคาลดลงจากกิโลกรัมละ 83.62 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 1.01 บาท
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ เฉลี่ยกิโลกรัมละ 85.00 บาท
ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
2.6 ปลาหมึกกระดอง (ขนาดกลาง) ราคาปลาหมึกกระดองสดที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ย กิโลกรัมละ 120.00 บาท ราคาลดลงจากกิโลกรัมละ 148.00 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 28.00 บาท
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ เฉลี่ยกิโลกรัมละ 260.00 บาท
ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
2.7 ปลาเป็ดและปลาป่น ราคาปลาเป็ดที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 8.09 บาท ราคาสูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 8.07 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 0.02 บาท
สำหรับราคาขายส่งปลาป่นชนิดโปรตีนต่ำกว่า 60% เฉลี่ยสัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
1. สถานการณ์การผลิต การตลาดและราคาในประเทศ
การผลิต
ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา (ระหว่างวันที่ 26 กรกฎาคม – 1 สิงหาคม 2562) ไม่มีรายงานปริมาณจากองค์การสะพานปลากรุงเทพฯ
การตลาด
ความเคลื่อนไหวของราคาสัตว์น้ำที่สำคัญประจำสัปดาห์นี้มีดังนี้ คือ
2.1 ปลาดุกบิ๊กอุย (ขนาด 3-4 ตัว/กก.) ราคาที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 45.00 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ เฉลี่ยกิโลกรัมละ 80.00 บาท
ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
2.2 ปลาช่อน (ขนาดกลาง) ราคาที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 83.68 บาท ราคาสูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 79.71 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 3.97 บาท
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ เฉลี่ยกิโลกรัมละ 120.00 บาท
ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
2.3 กุ้งกุลาดำ ราคาที่ชาวประมงขายได้ขนาด 60 ตัวต่อกิโลกรัมและราคา ณ ตลาดทะเลไทย จ.สมุทรสาครขนาดกลาง (60 ตัว/กก.) ไม่มีรายงานราคา
2.4 กุ้งขาวแวนนาไม ราคาที่ชาวประมงขายได้ขนาด 70 ตัวต่อกิโลกรัม เฉลี่ยกิโลกรัมละ 140.55 บาท ราคาลดลงจากกิโลกรัมละ 145.34 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 4.79 บาท
สำหรับราคา ณ ตลาดทะเลไทย จ.สมุทรสาครขนาด 70 ตัวต่อกิโลกรัม เฉลี่ยกิโลกรัมละ 140.83 บาท ราคาลดลงจากกิโลกรัมละ 141.67 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 0.84 บาท
2.5 ปลาทู (ขนาดกลาง) ราคาปลาทูสดที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 82.61 บาท ราคาลดลงจากกิโลกรัมละ 83.62 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 1.01 บาท
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ เฉลี่ยกิโลกรัมละ 85.00 บาท
ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
2.6 ปลาหมึกกระดอง (ขนาดกลาง) ราคาปลาหมึกกระดองสดที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ย กิโลกรัมละ 120.00 บาท ราคาลดลงจากกิโลกรัมละ 148.00 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 28.00 บาท
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ เฉลี่ยกิโลกรัมละ 260.00 บาท
ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
2.7 ปลาเป็ดและปลาป่น ราคาปลาเป็ดที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 8.09 บาท ราคาสูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 8.07 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 0.02 บาท
สำหรับราคาขายส่งปลาป่นชนิดโปรตีนต่ำกว่า 60% เฉลี่ยสัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา