- ข้อมูลเศรษฐกิจการเกษตร
- สถานการณ์การผลิตและการตลาดรายสัปดาห์
- รายละเอียดสถานการณ์ผลิดและการตลาด
สถานการณ์การผลิตและการตลาดรายสัปดาห์ 15-21 กุมภาพันธ์ 2562
ข้าว
สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาในประเทศ
1.1 การตลาด
มาตรการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวปีการผลิต 2561/62
มติที่ประชุม คณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) ครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2561 เห็นชอบในหลักการมาตรการฯ ด้านการผลิตและการตลาด ทั้งหมด10 โครงการดังนี้
(1) ด้านการผลิต*ได้แก่
1) โครงการส่งเสริมระบบการเกษตรแบบนาแปลงใหญ่ (นาแปลงใหญ่)
2) โครงการส่งเสริมการผลิตข้าวอินทรีย์
3) โครงการพัฒนาเกษตรกรปราดเปรื่อง
4) โครงการส่งเสริมระบบการเกษตรแบบแม่นยำสูง (Precision Farming)
5) โครงการส่งเสริมการผลิตข้าวหอมมะลิคุณภาพชั้นเลิศ
6) โครงการส่งเสริมการผลิตและการตลาดข้าวพันธุ์ กข 43 เพื่อสุขภาพแบบครบวงจร
7) โครงการปรับเปลี่ยนระบบการผลิตข้าวในพื้นที่ลุ่มต่ำ 13 ทุ่ง
หมายเหตุ * ด้านการผลิต เป็นโครงการที่หน่วยงานดำเนินการตามปกติ จึงไม่นำเข้าที่ประชุม ครม.พิจารณามาตรการฯ
(2) ด้านการตลาด
- มติที่ประชุม คณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 24กรกฎาคม 2561 อนุมัติการดำเนินโครงการและวงเงินงบประมาณที่ใช้ช่วยเหลือเกษตรกรและรักษาเสถียรภาพราคาข้าว ปีการผลิต 2561/62 ด้านการตลาด จำนวน 3 โครงการ ได้แก่
1)โครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปีและการช่วยเหลือค่าเก็บเกี่ยวและปรับปรุงคุณภาพข้าว
2) โครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร
3) โครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต็อก
- มติที่ประชุม คณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 11กันยายน 2561 อนุมัติทบทวนมาตรการรักษาเสถียรภาพราคาข้าว ปีการผลิต 2561/62 โครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2561/61 ตามมติคณะกรรมการนบข. เมื่อวันที่ 3 กันยายน 2561 ที่กระทรวงพาณิชย์เสนอดังนี้
(1) กรณีเกษตรกรฝากเก็บข้าวไว้ที่สหกรณ์หรือสถาบันเกษตรกร ให้ปรับปรุงให้ค่าเก็บรักษาข้าวเปลือก
(2) เกษตรกรและสถาบันเกษตรกร ต้องเก็บรักษาข้าวเปลือกหลักประกันไว้ในยุ้งฉางหรือสถานที่เก็บของตนเองเท่านั้น
(3) ปรับปรุงวิธีการเก็บรักษาข้าวเปลือกของสถาบันเกษตรกร ต้องเก็บรักษาข้าวเปลือกโดยบรรจุข้าวเปลือกในกระสอบป่านหรือถุง Big bag และวางเรียงในยุ้งฉางหรือสถานที่เก็บเพื่อสะดวกในการตรวจสอบ หรือเก็บข้าวในยุ้งฉางที่ยกพื้นสูงหรือไซโล (SILO) ยกเว้นกรณีเทกองจะต้องมีระบบการระบายอากาศ เพื่อการรักษาคุณภาพข้าวเปลือกไม่ให้เสื่อมสภาพตลอดระยะเวลาโครงการ
1.2 ราคา
1) ราคาที่เกษตรกรขายได้ทั้งประเทศ
ข้าวเปลือกเจ้านาปีหอมมะลิสัปดาห์นี้ เฉลี่ยตันละ 15,632 บาท ราคาสูงขึ้นจากตันละ 15,592 บาท
ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.26
ข้าวเปลือกเจ้าความชื้น 15% สัปดาห์นี้ เฉลี่ยตันละ 7,652 บาท ราคาสูงขึ้นจากตันละ 7,645 บาท
ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.09
2) ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ข้าวหอมมะลิ 100% ชั้น 1 (ใหม่) สัปดาห์นี้ เฉลี่ยตันละ 34,050 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ข้าวขาว 5% (ใหม่) สัปดาห์นี้ เฉลี่ยตันละ 11,350 บาท ราคาลดลงจากตันละ 11,450 บาท ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.87
3) ราคาส่งออกเอฟโอบี
ข้าวหอมมะลิไทย 100% (ใหม่) สัปดาห์นี้ เฉลี่ยตันละ 1,180 ดอลลาร์สหรัฐฯ (36,502 บาท/ตัน)
ข้าวขาว 5% สัปดาห์นี้ เฉลี่ยตันละ 412 ดอลลาร์สหรัฐฯ (12,745 บาท/ตัน)
ข้าวขาว 25% สัปดาห์นี้ เฉลี่ยตันละ 404 ดอลลาร์สหรัฐฯ (12,497บาท/ตัน)
ข้าวนึ่ง 5% สัปดาห์นี้ เฉลี่ยตันละ 415 ดอลลาร์สหรัฐฯ (12,838 บาท/ตัน)
หมายเหตุ : อัตราแลกเปลี่ยน 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ เท่ากับ 30.9338
2. สถานการณ์ข้าวของประเทศผู้ผลิตและผู้บริโภคที่สำคัญ
2.1 สถานการณ์ข้าวโลก
1) การผลิต
ผลผลิตข้าวโลก กระทรวงเกษตรสหรัฐฯ ได้คาดการณ์ผลผลิตข้าวโลกปี 2561/62 ประจำเดือนกุมภาพันธ์ 2562 ว่าจะมีผลผลิต 495.867 ล้านตันข้าวสาร เพิ่มขึ้นจาก 495.069 ล้านตันข้าวสาร หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.16
จากปี 2560/61
2) การค้าข้าวโลก
บัญชีสมดุลข้าวโลก กระทรวงเกษตรสหรัฐฯ ได้คาดการณ์บัญชีสมดุลข้าวโลกปี 2561/62 ณ เดือนกุมภาพันธ์ 2562 ว่าผลผลิต ปี 2561/62 จะมี 495.867 ล้านตันข้าวสาร กุมภาพันธ์จากปี 2560/61 ร้อยละ 0.16 การใช้ในประเทศจะมี 490.266 ล้านตันข้าวสาร เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาร้อยละ 1.56 การส่งออก/นำเข้าจะมี 48.124 ล้านตันข้าวสาร เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาร้อยละ 0.20 และสต็อกปลายปีคงเหลือ 167.624 ล้านตันข้าวสาร เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาร้อยละ 3.46
โดยประเทศที่คาดว่าจะส่งออกเพิ่มขึ้น ได้แก่ อาร์เจนตินา จีน กายานา อินเดีย รัสเซีย แอฟริกาใต้ อุรุกวัย เวียดนาม และสหรัฐอเมริกา ส่วนประเทศที่คาดว่าจะส่งออกลดลง ได้แก่ บราซิล กัมพูชา ปากีสถาน ปารากวัย และไทย
สำหรับประเทศที่คาดว่าจะนำเข้าเพิ่มขึ้น ได้แก่ เบนิน บราซิล เบอร์กินา คาเมรูน ไอเวอรี่โคสต์ กินี เฮติ อิหร่าน อิรัก ญี่ปุ่น เคนย่า มาเลเซีย เม็กซิโก โมแซมบิค เนปาล ไนจีเรีย ซาอุดิอาระเบีย เซเนกัล สหรัฐอาหรับเอมิเรส และสหรัฐอเมริกา ส่วนประเทศที่คาดว่าจะนำเข้าลดลง ได้แก่ จีน กานา และอินโดนีเซีย
ประเทศที่มีสต็อกคงเหลือปลายปีเพิ่มขึ้น ได้แก่ จีน ฟิลิปปินส์ ไทย เวียดนาม และสหรัฐอเมริกา ส่วนประเทศที่คาดว่าจะมีสต็อกคงเหลือปลายปีลดลง ได้แก่ อินเดีย อินโดนีเซีย และญี่ปุ่น
2.2 สถานการณ์ข้าวของประเทศผู้ผลิตและผู้บริโภคที่สำคัญ
เวียดนาม
ภาวะราคาข้าวขาว 5% สัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาอยู่ที่ตันละ 340 ดอลลาร์สหรัฐฯ ลดลงจากตันละ 350 ดอลลาร์สหรัฐฯ เนื่องจากเป็นช่วงก่อนวันหยุดเทศกาล Tet (the Lunar New Year Holiday) ขณะที่วงการค้าข้าวรายงานว่า ภาวะการค้าเริ่มกลับมาคึกคักอีกครั้ง เนื่องจากมีคำสั่งซื้อจากฟิลิปปินส์ ซึ่งคาดว่าในช่วงสัปดาห์แรกที่เริ่มกลับมาทำงานตามปกติ จะมีคำสั่งซื้อเข้ามาประมาณ 20,000 ตัน ส่วนการส่งออกไปจีนนั้นวงการค้าคาดว่า ปี 2562 จีนจะซื้อข้าวเวียดนามลดลงเหลือประมาณ 500,000-600,000 ตัน จากที่ซื้อเมื่อปี 2561 ประมาณ 1.5-2 ล้านตัน
โดยปี 2562 รัฐบาลคาดว่าอาจจะต้องรับซื้อข้าวจากเกษตรกรเพื่อเก็บสต็อกไว้ และเพื่อช่วยพยุงราคาข้าวในประเทศไม่ให้ลดต่ำลง เนื่องจากผลผลิตข้าวในฤดูการผลิตฤดูหนาวจะออกสู่ตลาดจำนวนมากในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์นี้
ทั้งนี้ มีรายงานว่าจังหวัดในเขตที่ราบลุ่มแม่น้ำโขง เริ่มเก็บเกี่ยวผลผลิตในฤดูการผลิตฤดูหนาว ฤดูใบไม้ผลิ (winter-spring rice crop) ไปแล้วประมาณ 10 ล้านไร่ ท่ามกลางภาวะราคาข้าวเปลือกที่ยังคงมีแนวโน้มลดลง ขณะที่ความต้องการข้าวในตลาดมีไม่มากนัก โดยเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ราคาข้าวเปลือกธรรมดาเกี่ยวสด (fresh regular paddy) อยู่ที่ประมาณ 4,300 ดองต่อกิโลกรัม ขณะที่ข้าวเปลือกเมล็ดยาวเกี่ยวสด (fresh long-grain paddy) อยู่ที่ประมาณ 4,800-4,900 ดองต่อกิโลกรัม ซึ่งลดลงจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาประมาณ 1,000 ดอง
อย่างไรก็ตาม แม้ราคาข้าวเปลือกจะลดลง แต่ผู้ค้าข้าวยังคงซื้อข้าวไม่มากนัก เพราะการส่งออกยังไม่คึกคัก
และมีอุปสรรคมาก ซึ่งตามปกติแล้วภายหลังสิ้นสุดเทศกาลตรุษจีน (lunar New Year) ในหลายพื้นที่สำคัญ เช่น Dong Thap, An Giang, Vinh Long, Hau Giang, Kien Giang และ Can Tho มักจะมีการเร่งรีบเก็บเกี่ยวข้าว ซึ่งต่างจากปีนี้ที่การเก็บเกี่ยวค่อนข้างล่าช้าจากภาวะการค้าที่ซบเซา โดยหลายจังหวัดทางภาคใต้เริ่มมีการหารือกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องเพื่อเตรียมรับมือกับภาวะที่กำลังจะเกิดขึ้น เนื่องจากยังไม่มีคำสั่งซื้อเข้ามามากนัก โดยบางส่วนได้เสนอให้รัฐบาลออกมาตรการในการรับซื้อข้าวจากเกษตรกรเพื่อเก็บสต็อกไว้ และช่วยพยุงราคาข้าวไม่ให้ลดต่ำลง รวมทั้งการเสนอให้ธนาคารเพิ่มวงเงินให้ผู้ค้าข้าวสำหรับการซื้อข้าวจากเกษตรกรด้วย ขณะเดียวกันได้มีข้อเสนอให้ผู้ค้าข้าวเร่งซื้อข้าวเพื่อเก็บสต็อก
ให้เต็มความสามารถของแต่ละราย
ด้านสมาคมอาหารเวียดนาม (The Vietnam Food Association) รายงานว่า ในช่วงครึ่งเดือนแรกของปี 2562 มีการส่งออกแล้วประมาณ 132,000 ตัน ลดลงร้อยละ 31 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2561 ขณะที่ราคาส่งออกปรับลดลงอยู่ที่ตันละ 340-350 ดอลลาร์สหรัฐฯ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2561 ที่ราคาตันละ 400 ดอลลาร์สหรัฐฯ
ที่มา สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย
จีน-อินเดีย
ปี 2561 ถือเป็นอีก 1 ปีทองของการส่งออกข้าวไทยที่ส่งออกได้ถึง 11 ล้านตัน มูลค่ากว่า 1.8 แสนล้านบาท โดยตั้งแต่ต้นปี 2562 การส่งออกข้าวไทยยังมีแนวโน้มสดใส กระทรวงพาณิชย์ตั้งเป้าส่งออกไว้ที่ 10 ล้านตัน ขณะที่สมาคม
ผู้ส่งออกข้าวไทยตั้งเป้าที่ 9.5 ล้านตัน แต่ล่าสุดในช่วงเดือนครึ่งที่ผ่านมา การส่งออกข้าวไทยส่งสัญญาณแผ่วตั้งแต่ต้นปี เมื่อเงินบาทแข็งค่ามาก โดยเดือนมกราคม – 18 กุมภาพันธ์ 2562 แข็งค่าขึ้นมามากกว่าร้อยละ 3.2 สูงสุดในภูมิภาค
ดันราคาข้าวไทยสูงขึ้นสวนทางกับค่าเงินของอินเดีย และเวียดนามซึ่งเป็นคู่แข่งส่งออกข้าวรายสำคัญ ที่ค่าเงินอยู่ในทิศทางอ่อนค่า ส่งผลให้ราคาข้าวเวียดนามคงที่ ประเทศคู่ค้าจึงสนใจซื้อข้าวมากขึ้น ส่งผลกระทบต่อคำสั่งซื้อข้าวไทยที่ลดลง
นายกสมาคมกิตติมศักดิ์ สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย (นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์) เผยว่า ข้าวไทยช่วงเดือนมกราคม – กลางเดือนกุมภาพันธ์ส่งออกข้าวแล้ว 8 – 9 แสนตัน เป็นออร์เดอร์เก่าตั้งแต่ปลายปี 2561 ส่วนออร์เดอร์ใหม่ที่จะส่งมอบช่วงเดือนมีนาคม – เมษายน ภาพรวมมีคำสั่งซื้อเข้ามาน้อยมากถึงไม่มีเลยในบางราย ห่วงว่าจะมีผลกระทบต่อราคาข้าวเปลือกนาปรังของไทยที่จะออกสู่ตลาดมากช่วงปลายเดือนมีนาคม – เมษายน
ผลกระทบเงินบาทแข็งค่า ทำให้ราคาส่งออกข้าว 5% ของไทยต้องปรับราคาขึ้นมาอยู่ที่ตันละ 390 ดอลลาร์สหรัฐฯ จากเดิมตันละ 370 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือปรับเพิ่มขึ้นตันละ 20 ดอลลาร์สหรัฐฯ และข้าวหอมมะลิจากตันละ 1,140 ดอลลาร์สหรัฐฯ มาอยู่ที่ตันละ 1,200 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือเพิ่มขึ้นตันละ 60 ดอลลาร์สหรัฐฯ เทียบกับข้าวขาว 5% และข้าวหอมเวียดนามที่ยังขายราคาเท่าเดิมที่ตันละ 340 และ 400 ดอลลาร์สหรัฐฯ ตามลำดับ ราคาถูกกว่าไทยเนื่องจากได้เปรียบจากค่าเงิน
“ราคาข้าวขาวเวียดนามที่ต่ำกว่าข้าวไทย 50 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อตัน และข้าวหอมเวียดนามต่ำกว่าข้าวหอมมะลิไทย 3 เท่าตัว ทำให้ออร์เดอร์ข้าวมายังไทยเพื่อส่งมอบช่วง 2 – 3 เดือนข้างหน้าแทบไม่มีเลย คู่ค้าหันไปซื้อข้าวเวียดนามแทน รวมถึงซื้อข้าวจากจีนที่อยู่ในช่วงระบายสต็อกข้าวเปลือกและข้าวสารที่มีอยู่มากถึง 190 ล้านตัน ซึ่งมีเทรดเดอร์ไปซื้อข้าวเปลือกจากจีนนำไปผลิตเป็นข้าวนึ่งส่งขายตลาดแอฟริกาที่เป็นตลาดหลักข้าวนึ่งของไทยในราคาต่ำ และข้าวขาว 5% (ข้าวเก่า) จากจีน ขายแค่ตันละ 290 – 300 ดอลลาร์สหรัฐฯ เท่านั้น ทำให้ศักยภาพแข่งขันส่งออกของไทยไม่เหลือ”
ขณะเดียวกันการส่งออกข้าวของอินเดีย ซึ่งเป็น 1 คู่แข่งที่สำคัญ รัฐบาลอินเดียได้ให้การอุดหนุนส่งออก 5% ของราคาขาย ทำให้ได้เปรียบทั้งไทยและเวียดนามในการส่งออกข้าว โดยอินเดียอ้างการอุดหนุนการส่งออกของอินเดียที่ทำไว้กับองค์การการค้าโลก (WTO) สามารถทำได้ แต่ไม่ครอบคลุมถึงสินค้าเกษตร เรื่องนี้ในการประชุมความร่วมมือด้านการค้าข้าวประจำปี 2562 ระหว่างสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยกับสมาคมอาหารเวียดนาม เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่ประเทศเวียดนามเป็นหนึ่งในประเด็นสำคัญที่หารือกัน ได้ข้อสรุปร่วมกันว่า อาจจะประท้วงไปยังอินเดียให้ยกเลิกการอุดหนุน เพราะเป็นการทำการค้าที่ไม่เป็นธรรม นอกจากนี้จะเสนอให้กระทรวงพาณิชย์ช่วยเจรจากดดันอินเดียอีกทางหนึ่ง ไม่เช่นนั้นแล้วราคาส่งออกข้าวไทยจะสูงขายไม่ได้ ต้องลดราคาลง ซึ่งจะส่งผลถึงราคาข้าวในประเทศที่ลดลงตามกลไกลตลาดด้วย
แหล่งข่าววงการค้าข้าว กล่าวว่า ดูจากปัจจัยต่างๆ แล้ว การส่งออกข้าวไทยปีนี้คงเหนื่อย แต่สินค้าโภคภัณฑ์
ไม่มีอะไรแน่นอนเปลี่ยนได้ตลอด เวลานี้เกิดปรากฎการณ์เอลนิโญในออสเตรเลีย ทำให้อากาศร้อนจัดและแห้งแล้ง และเอลนิโญนี้อาจทำให้กลุ่มประเทศอเมริกาใต้ที่อยู่ใต้เส้นศูนย์สูตร เช่น บราซิล อาร์เจนตินา มีผลผลิตข้าวสาลีลดลง อาจช่วยให้ความต้องการข้าวโลกเพิ่มขึ้นได้
ที่มา หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ
1.1 การตลาด
มาตรการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวปีการผลิต 2561/62
มติที่ประชุม คณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) ครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2561 เห็นชอบในหลักการมาตรการฯ ด้านการผลิตและการตลาด ทั้งหมด10 โครงการดังนี้
(1) ด้านการผลิต*ได้แก่
1) โครงการส่งเสริมระบบการเกษตรแบบนาแปลงใหญ่ (นาแปลงใหญ่)
2) โครงการส่งเสริมการผลิตข้าวอินทรีย์
3) โครงการพัฒนาเกษตรกรปราดเปรื่อง
4) โครงการส่งเสริมระบบการเกษตรแบบแม่นยำสูง (Precision Farming)
5) โครงการส่งเสริมการผลิตข้าวหอมมะลิคุณภาพชั้นเลิศ
6) โครงการส่งเสริมการผลิตและการตลาดข้าวพันธุ์ กข 43 เพื่อสุขภาพแบบครบวงจร
7) โครงการปรับเปลี่ยนระบบการผลิตข้าวในพื้นที่ลุ่มต่ำ 13 ทุ่ง
หมายเหตุ * ด้านการผลิต เป็นโครงการที่หน่วยงานดำเนินการตามปกติ จึงไม่นำเข้าที่ประชุม ครม.พิจารณามาตรการฯ
(2) ด้านการตลาด
- มติที่ประชุม คณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 24กรกฎาคม 2561 อนุมัติการดำเนินโครงการและวงเงินงบประมาณที่ใช้ช่วยเหลือเกษตรกรและรักษาเสถียรภาพราคาข้าว ปีการผลิต 2561/62 ด้านการตลาด จำนวน 3 โครงการ ได้แก่
1)โครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปีและการช่วยเหลือค่าเก็บเกี่ยวและปรับปรุงคุณภาพข้าว
2) โครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร
3) โครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต็อก
- มติที่ประชุม คณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 11กันยายน 2561 อนุมัติทบทวนมาตรการรักษาเสถียรภาพราคาข้าว ปีการผลิต 2561/62 โครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2561/61 ตามมติคณะกรรมการนบข. เมื่อวันที่ 3 กันยายน 2561 ที่กระทรวงพาณิชย์เสนอดังนี้
(1) กรณีเกษตรกรฝากเก็บข้าวไว้ที่สหกรณ์หรือสถาบันเกษตรกร ให้ปรับปรุงให้ค่าเก็บรักษาข้าวเปลือก
(2) เกษตรกรและสถาบันเกษตรกร ต้องเก็บรักษาข้าวเปลือกหลักประกันไว้ในยุ้งฉางหรือสถานที่เก็บของตนเองเท่านั้น
(3) ปรับปรุงวิธีการเก็บรักษาข้าวเปลือกของสถาบันเกษตรกร ต้องเก็บรักษาข้าวเปลือกโดยบรรจุข้าวเปลือกในกระสอบป่านหรือถุง Big bag และวางเรียงในยุ้งฉางหรือสถานที่เก็บเพื่อสะดวกในการตรวจสอบ หรือเก็บข้าวในยุ้งฉางที่ยกพื้นสูงหรือไซโล (SILO) ยกเว้นกรณีเทกองจะต้องมีระบบการระบายอากาศ เพื่อการรักษาคุณภาพข้าวเปลือกไม่ให้เสื่อมสภาพตลอดระยะเวลาโครงการ
1.2 ราคา
1) ราคาที่เกษตรกรขายได้ทั้งประเทศ
ข้าวเปลือกเจ้านาปีหอมมะลิสัปดาห์นี้ เฉลี่ยตันละ 15,632 บาท ราคาสูงขึ้นจากตันละ 15,592 บาท
ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.26
ข้าวเปลือกเจ้าความชื้น 15% สัปดาห์นี้ เฉลี่ยตันละ 7,652 บาท ราคาสูงขึ้นจากตันละ 7,645 บาท
ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.09
2) ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ข้าวหอมมะลิ 100% ชั้น 1 (ใหม่) สัปดาห์นี้ เฉลี่ยตันละ 34,050 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ข้าวขาว 5% (ใหม่) สัปดาห์นี้ เฉลี่ยตันละ 11,350 บาท ราคาลดลงจากตันละ 11,450 บาท ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.87
3) ราคาส่งออกเอฟโอบี
ข้าวหอมมะลิไทย 100% (ใหม่) สัปดาห์นี้ เฉลี่ยตันละ 1,180 ดอลลาร์สหรัฐฯ (36,502 บาท/ตัน)
ข้าวขาว 5% สัปดาห์นี้ เฉลี่ยตันละ 412 ดอลลาร์สหรัฐฯ (12,745 บาท/ตัน)
ข้าวขาว 25% สัปดาห์นี้ เฉลี่ยตันละ 404 ดอลลาร์สหรัฐฯ (12,497บาท/ตัน)
ข้าวนึ่ง 5% สัปดาห์นี้ เฉลี่ยตันละ 415 ดอลลาร์สหรัฐฯ (12,838 บาท/ตัน)
หมายเหตุ : อัตราแลกเปลี่ยน 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ เท่ากับ 30.9338
2. สถานการณ์ข้าวของประเทศผู้ผลิตและผู้บริโภคที่สำคัญ
2.1 สถานการณ์ข้าวโลก
1) การผลิต
ผลผลิตข้าวโลก กระทรวงเกษตรสหรัฐฯ ได้คาดการณ์ผลผลิตข้าวโลกปี 2561/62 ประจำเดือนกุมภาพันธ์ 2562 ว่าจะมีผลผลิต 495.867 ล้านตันข้าวสาร เพิ่มขึ้นจาก 495.069 ล้านตันข้าวสาร หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.16
จากปี 2560/61
2) การค้าข้าวโลก
บัญชีสมดุลข้าวโลก กระทรวงเกษตรสหรัฐฯ ได้คาดการณ์บัญชีสมดุลข้าวโลกปี 2561/62 ณ เดือนกุมภาพันธ์ 2562 ว่าผลผลิต ปี 2561/62 จะมี 495.867 ล้านตันข้าวสาร กุมภาพันธ์จากปี 2560/61 ร้อยละ 0.16 การใช้ในประเทศจะมี 490.266 ล้านตันข้าวสาร เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาร้อยละ 1.56 การส่งออก/นำเข้าจะมี 48.124 ล้านตันข้าวสาร เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาร้อยละ 0.20 และสต็อกปลายปีคงเหลือ 167.624 ล้านตันข้าวสาร เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาร้อยละ 3.46
โดยประเทศที่คาดว่าจะส่งออกเพิ่มขึ้น ได้แก่ อาร์เจนตินา จีน กายานา อินเดีย รัสเซีย แอฟริกาใต้ อุรุกวัย เวียดนาม และสหรัฐอเมริกา ส่วนประเทศที่คาดว่าจะส่งออกลดลง ได้แก่ บราซิล กัมพูชา ปากีสถาน ปารากวัย และไทย
สำหรับประเทศที่คาดว่าจะนำเข้าเพิ่มขึ้น ได้แก่ เบนิน บราซิล เบอร์กินา คาเมรูน ไอเวอรี่โคสต์ กินี เฮติ อิหร่าน อิรัก ญี่ปุ่น เคนย่า มาเลเซีย เม็กซิโก โมแซมบิค เนปาล ไนจีเรีย ซาอุดิอาระเบีย เซเนกัล สหรัฐอาหรับเอมิเรส และสหรัฐอเมริกา ส่วนประเทศที่คาดว่าจะนำเข้าลดลง ได้แก่ จีน กานา และอินโดนีเซีย
ประเทศที่มีสต็อกคงเหลือปลายปีเพิ่มขึ้น ได้แก่ จีน ฟิลิปปินส์ ไทย เวียดนาม และสหรัฐอเมริกา ส่วนประเทศที่คาดว่าจะมีสต็อกคงเหลือปลายปีลดลง ได้แก่ อินเดีย อินโดนีเซีย และญี่ปุ่น
2.2 สถานการณ์ข้าวของประเทศผู้ผลิตและผู้บริโภคที่สำคัญ
เวียดนาม
ภาวะราคาข้าวขาว 5% สัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาอยู่ที่ตันละ 340 ดอลลาร์สหรัฐฯ ลดลงจากตันละ 350 ดอลลาร์สหรัฐฯ เนื่องจากเป็นช่วงก่อนวันหยุดเทศกาล Tet (the Lunar New Year Holiday) ขณะที่วงการค้าข้าวรายงานว่า ภาวะการค้าเริ่มกลับมาคึกคักอีกครั้ง เนื่องจากมีคำสั่งซื้อจากฟิลิปปินส์ ซึ่งคาดว่าในช่วงสัปดาห์แรกที่เริ่มกลับมาทำงานตามปกติ จะมีคำสั่งซื้อเข้ามาประมาณ 20,000 ตัน ส่วนการส่งออกไปจีนนั้นวงการค้าคาดว่า ปี 2562 จีนจะซื้อข้าวเวียดนามลดลงเหลือประมาณ 500,000-600,000 ตัน จากที่ซื้อเมื่อปี 2561 ประมาณ 1.5-2 ล้านตัน
โดยปี 2562 รัฐบาลคาดว่าอาจจะต้องรับซื้อข้าวจากเกษตรกรเพื่อเก็บสต็อกไว้ และเพื่อช่วยพยุงราคาข้าวในประเทศไม่ให้ลดต่ำลง เนื่องจากผลผลิตข้าวในฤดูการผลิตฤดูหนาวจะออกสู่ตลาดจำนวนมากในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์นี้
ทั้งนี้ มีรายงานว่าจังหวัดในเขตที่ราบลุ่มแม่น้ำโขง เริ่มเก็บเกี่ยวผลผลิตในฤดูการผลิตฤดูหนาว ฤดูใบไม้ผลิ (winter-spring rice crop) ไปแล้วประมาณ 10 ล้านไร่ ท่ามกลางภาวะราคาข้าวเปลือกที่ยังคงมีแนวโน้มลดลง ขณะที่ความต้องการข้าวในตลาดมีไม่มากนัก โดยเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ราคาข้าวเปลือกธรรมดาเกี่ยวสด (fresh regular paddy) อยู่ที่ประมาณ 4,300 ดองต่อกิโลกรัม ขณะที่ข้าวเปลือกเมล็ดยาวเกี่ยวสด (fresh long-grain paddy) อยู่ที่ประมาณ 4,800-4,900 ดองต่อกิโลกรัม ซึ่งลดลงจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาประมาณ 1,000 ดอง
อย่างไรก็ตาม แม้ราคาข้าวเปลือกจะลดลง แต่ผู้ค้าข้าวยังคงซื้อข้าวไม่มากนัก เพราะการส่งออกยังไม่คึกคัก
และมีอุปสรรคมาก ซึ่งตามปกติแล้วภายหลังสิ้นสุดเทศกาลตรุษจีน (lunar New Year) ในหลายพื้นที่สำคัญ เช่น Dong Thap, An Giang, Vinh Long, Hau Giang, Kien Giang และ Can Tho มักจะมีการเร่งรีบเก็บเกี่ยวข้าว ซึ่งต่างจากปีนี้ที่การเก็บเกี่ยวค่อนข้างล่าช้าจากภาวะการค้าที่ซบเซา โดยหลายจังหวัดทางภาคใต้เริ่มมีการหารือกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องเพื่อเตรียมรับมือกับภาวะที่กำลังจะเกิดขึ้น เนื่องจากยังไม่มีคำสั่งซื้อเข้ามามากนัก โดยบางส่วนได้เสนอให้รัฐบาลออกมาตรการในการรับซื้อข้าวจากเกษตรกรเพื่อเก็บสต็อกไว้ และช่วยพยุงราคาข้าวไม่ให้ลดต่ำลง รวมทั้งการเสนอให้ธนาคารเพิ่มวงเงินให้ผู้ค้าข้าวสำหรับการซื้อข้าวจากเกษตรกรด้วย ขณะเดียวกันได้มีข้อเสนอให้ผู้ค้าข้าวเร่งซื้อข้าวเพื่อเก็บสต็อก
ให้เต็มความสามารถของแต่ละราย
ด้านสมาคมอาหารเวียดนาม (The Vietnam Food Association) รายงานว่า ในช่วงครึ่งเดือนแรกของปี 2562 มีการส่งออกแล้วประมาณ 132,000 ตัน ลดลงร้อยละ 31 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2561 ขณะที่ราคาส่งออกปรับลดลงอยู่ที่ตันละ 340-350 ดอลลาร์สหรัฐฯ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2561 ที่ราคาตันละ 400 ดอลลาร์สหรัฐฯ
ที่มา สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย
จีน-อินเดีย
ปี 2561 ถือเป็นอีก 1 ปีทองของการส่งออกข้าวไทยที่ส่งออกได้ถึง 11 ล้านตัน มูลค่ากว่า 1.8 แสนล้านบาท โดยตั้งแต่ต้นปี 2562 การส่งออกข้าวไทยยังมีแนวโน้มสดใส กระทรวงพาณิชย์ตั้งเป้าส่งออกไว้ที่ 10 ล้านตัน ขณะที่สมาคม
ผู้ส่งออกข้าวไทยตั้งเป้าที่ 9.5 ล้านตัน แต่ล่าสุดในช่วงเดือนครึ่งที่ผ่านมา การส่งออกข้าวไทยส่งสัญญาณแผ่วตั้งแต่ต้นปี เมื่อเงินบาทแข็งค่ามาก โดยเดือนมกราคม – 18 กุมภาพันธ์ 2562 แข็งค่าขึ้นมามากกว่าร้อยละ 3.2 สูงสุดในภูมิภาค
ดันราคาข้าวไทยสูงขึ้นสวนทางกับค่าเงินของอินเดีย และเวียดนามซึ่งเป็นคู่แข่งส่งออกข้าวรายสำคัญ ที่ค่าเงินอยู่ในทิศทางอ่อนค่า ส่งผลให้ราคาข้าวเวียดนามคงที่ ประเทศคู่ค้าจึงสนใจซื้อข้าวมากขึ้น ส่งผลกระทบต่อคำสั่งซื้อข้าวไทยที่ลดลง
นายกสมาคมกิตติมศักดิ์ สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย (นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์) เผยว่า ข้าวไทยช่วงเดือนมกราคม – กลางเดือนกุมภาพันธ์ส่งออกข้าวแล้ว 8 – 9 แสนตัน เป็นออร์เดอร์เก่าตั้งแต่ปลายปี 2561 ส่วนออร์เดอร์ใหม่ที่จะส่งมอบช่วงเดือนมีนาคม – เมษายน ภาพรวมมีคำสั่งซื้อเข้ามาน้อยมากถึงไม่มีเลยในบางราย ห่วงว่าจะมีผลกระทบต่อราคาข้าวเปลือกนาปรังของไทยที่จะออกสู่ตลาดมากช่วงปลายเดือนมีนาคม – เมษายน
ผลกระทบเงินบาทแข็งค่า ทำให้ราคาส่งออกข้าว 5% ของไทยต้องปรับราคาขึ้นมาอยู่ที่ตันละ 390 ดอลลาร์สหรัฐฯ จากเดิมตันละ 370 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือปรับเพิ่มขึ้นตันละ 20 ดอลลาร์สหรัฐฯ และข้าวหอมมะลิจากตันละ 1,140 ดอลลาร์สหรัฐฯ มาอยู่ที่ตันละ 1,200 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือเพิ่มขึ้นตันละ 60 ดอลลาร์สหรัฐฯ เทียบกับข้าวขาว 5% และข้าวหอมเวียดนามที่ยังขายราคาเท่าเดิมที่ตันละ 340 และ 400 ดอลลาร์สหรัฐฯ ตามลำดับ ราคาถูกกว่าไทยเนื่องจากได้เปรียบจากค่าเงิน
“ราคาข้าวขาวเวียดนามที่ต่ำกว่าข้าวไทย 50 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อตัน และข้าวหอมเวียดนามต่ำกว่าข้าวหอมมะลิไทย 3 เท่าตัว ทำให้ออร์เดอร์ข้าวมายังไทยเพื่อส่งมอบช่วง 2 – 3 เดือนข้างหน้าแทบไม่มีเลย คู่ค้าหันไปซื้อข้าวเวียดนามแทน รวมถึงซื้อข้าวจากจีนที่อยู่ในช่วงระบายสต็อกข้าวเปลือกและข้าวสารที่มีอยู่มากถึง 190 ล้านตัน ซึ่งมีเทรดเดอร์ไปซื้อข้าวเปลือกจากจีนนำไปผลิตเป็นข้าวนึ่งส่งขายตลาดแอฟริกาที่เป็นตลาดหลักข้าวนึ่งของไทยในราคาต่ำ และข้าวขาว 5% (ข้าวเก่า) จากจีน ขายแค่ตันละ 290 – 300 ดอลลาร์สหรัฐฯ เท่านั้น ทำให้ศักยภาพแข่งขันส่งออกของไทยไม่เหลือ”
ขณะเดียวกันการส่งออกข้าวของอินเดีย ซึ่งเป็น 1 คู่แข่งที่สำคัญ รัฐบาลอินเดียได้ให้การอุดหนุนส่งออก 5% ของราคาขาย ทำให้ได้เปรียบทั้งไทยและเวียดนามในการส่งออกข้าว โดยอินเดียอ้างการอุดหนุนการส่งออกของอินเดียที่ทำไว้กับองค์การการค้าโลก (WTO) สามารถทำได้ แต่ไม่ครอบคลุมถึงสินค้าเกษตร เรื่องนี้ในการประชุมความร่วมมือด้านการค้าข้าวประจำปี 2562 ระหว่างสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยกับสมาคมอาหารเวียดนาม เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่ประเทศเวียดนามเป็นหนึ่งในประเด็นสำคัญที่หารือกัน ได้ข้อสรุปร่วมกันว่า อาจจะประท้วงไปยังอินเดียให้ยกเลิกการอุดหนุน เพราะเป็นการทำการค้าที่ไม่เป็นธรรม นอกจากนี้จะเสนอให้กระทรวงพาณิชย์ช่วยเจรจากดดันอินเดียอีกทางหนึ่ง ไม่เช่นนั้นแล้วราคาส่งออกข้าวไทยจะสูงขายไม่ได้ ต้องลดราคาลง ซึ่งจะส่งผลถึงราคาข้าวในประเทศที่ลดลงตามกลไกลตลาดด้วย
แหล่งข่าววงการค้าข้าว กล่าวว่า ดูจากปัจจัยต่างๆ แล้ว การส่งออกข้าวไทยปีนี้คงเหนื่อย แต่สินค้าโภคภัณฑ์
ไม่มีอะไรแน่นอนเปลี่ยนได้ตลอด เวลานี้เกิดปรากฎการณ์เอลนิโญในออสเตรเลีย ทำให้อากาศร้อนจัดและแห้งแล้ง และเอลนิโญนี้อาจทำให้กลุ่มประเทศอเมริกาใต้ที่อยู่ใต้เส้นศูนย์สูตร เช่น บราซิล อาร์เจนตินา มีผลผลิตข้าวสาลีลดลง อาจช่วยให้ความต้องการข้าวโลกเพิ่มขึ้นได้
ที่มา หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ
ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์
1. สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาในประเทศ
ราคาข้าวโพดภายในประเทศในช่วงสัปดาห์นี้ มีดังนี้
ราคาข้าวโพดที่เกษตรกรขายได้ความชื้นไม่เกิน 14.5 % สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 8.00 บาท เพิ่มขึ้นจากกิโลกรัมละ 7.96 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.50 และราคาข้าวโพดที่เกษตรกรขายได้ความชื้นเกิน 14.5 % สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 6.61 บาท เพิ่มขึ้นจากกิโลกรัมละ 6.52 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.38
ราคาข้าวโพดขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ ที่โรงงานอาหารสัตว์รับซื้อสัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ9.52 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน และราคาขายส่งไซโลรับซื้อสัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 8.76 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 8.77 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.11
ราคาส่งออก เอฟ.โอ.บี. สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 318.50 ดอลลาร์สหรัฐ (9,852 บาท/ตัน) เพิ่มขึ้นจากตันละ 318.25 ดอลลาร์สหรัฐ (9,897 บาท/ตัน) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.08 แต่ลดลง ในรูปของเงินบาทตันละ 45 บาท
2. สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาในต่างประเทศ
กระทรวงเกษตรสหรัฐฯ คาดคะเนความต้องการใช้ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ของโลก ปี 2562/63 ว่ามี 1,130.64 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจาก 1,085.05 ล้านตัน ในปี 2561/62 ร้อยละ 4.20 โดยสหรัฐอเมริกา จีน สหภาพยุโรป บราซิล เม็กซิโก อินเดีย อียิปต์ เวียดนาม อาร์เจนตินา อินโดนีเซีย ไนจีเรีย อิหร่าน และเกาหลีใต้ มีความต้องการใช้เพิ่มขึ้น สำหรับการค้าของโลกมี 163.63 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจาก 150.69 ล้านตัน ในปี 2561/62 ร้อยละ 8.59 โดยยูเครน บราซิล อาร์เจนตินา เซอร์เบีย และปารากวัย ส่งออกเพิ่มขึ้น ประกอบกับผู้นำเข้า เช่น สหภาพยุโรป เม็กซิโก เวียดนาม เกาหลีใต้ อียิปต์ อิหร่าน โคลัมเบีย จีน ซาอุดิอาระเบีย แอลจีเรีย มาเลเซีย ชิลี บังกลาเทศ สาธารณรัฐโดมินิกัน กัวเตมาลา ตูนิเซีย สหรัฐอเมริกา และบราซิล มีการนำเข้าเพิ่มขึ้น (ตารางแนบท้าย)
ราคาซื้อขายล่วงหน้าในตลาดชิคาโกเดือนมีนาคม 2562 ข้าวโพดเมล็ดเหลืองอเมริกันชั้น 2 สัปดาห์นี้เฉลี่ยบุชเชลละ 372.55 เซนต์ (4,537 บาท/ตัน) ลดลงจากบุชเชลละ 375.64 เซนต์ (4,599 บาท/ตัน)ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.82 และลดลงในรูปของเงินบาทตันละ 62 บาท
มันสำปะหลัง
สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
การผลิต
ผลผลิตมันสำปะหลัง ปี 2562 (เริ่มออกสู่ตลาดตั้งแต่เดือนตุลาคม 2561 – กันยายน 2562) คาดว่ามีพื้นที่เก็บเกี่ยว 8.40 ล้านไร่ ผลผลิต 29.97 ล้านตัน ผลผลลิตต่อไร่ 3.57 ตัน เมื่อเทียบกับปี 2561
ที่มีพื้นที่เก็บเกี่ยว 8.03 ล้านไร่ ผลผลิต 27.88 ล้านตัน และผลผลิตต่อไร่ 3.47 ตัน พบว่า พื้นที่เก็บเกี่ยว ผลผลิต และผลผลิตต่อไร่ สูงขึ้นร้อยละ 4.61 ร้อยละ 7.50 และร้อยละ 2.88 ตามลำดับ โดยเดือนกุมภาพันธ์ 2562
คาดว่าจะมีผลผลิตออกสู่ตลาด 7.48 ล้านตัน (ร้อยละ 24.96 ของผลผลิตทั้งหมด)
ทั้งนี้ผลผลิตมันสำปะหลังปี 2562 จะออกสู่ตลาดมากในช่วงเดือนมกราคม – มีนาคม 2562 ปริมาณ 20.08 ล้านตัน (ร้อยละ 67 ของผลผลิตทั้งหมด)
การตลาด
หัวมันสำปะหลังออกสู่ตลาดเพิ่มขึ้น แต่ราคามันสำปะหลังยังอยู่ในเกณฑ์สูง ทำให้ลานมันเส้น
เปิดดำเนินการไม่มาก เนื่องจากเมื่อผลิตเป็นมันเส้นแล้วไม่คุ้มกับการลงทุน ส่งผลให้หัวมันสำปะหลังส่วนใหญ่ไหลเข้าสู่โรงงานแป้งมันสำปะหลัง
ราคาที่เกษตรกรขายได้ทั้งประเทศประจำสัปดาห์ สรุปได้ดังนี้
ราคาหัวมันสำปะหลังสด สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 2.21 บาท ราคาสูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 2.20 บาท ในสัปดาห์ก่อนคิดเป็นร้อยละ 0.45
ราคามันเส้น สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 5.16 บาท ราคาลดลงจากกิโลกรัมละ 5.29 บาท
ในสัปดาห์ก่อนคิดเป็นร้อยละ 2.46
ราคาขายส่งในประเทศ
ราคาขายส่งมันเส้น (ส่งมอบ ณ คลังสินค้าเขต จ.ชลบุรี และ จ.อยุธยา) สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 6.00 บาท ราคาสูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 5.99 บาท ในสัปดาห์ก่อนคิดเป็นร้อยละ 0.17
ราคาขายส่งแป้งมันสำปะหลังชั้นพิเศษ (ส่งมอบ ณ คลังสินค้าเขต กรุงเทพและปริมณฑล) สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 13.45 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาส่งออก เอฟ.โอ.บี
ราคาส่งออกมันเส้น สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 210 ดอลลาร์สหรัฐฯ (6,497 บาทต่อตัน) ราคาสูงขึ้นจากตันละ 205 ดอลลาร์สหรัฐฯ (6,375 บาทต่อตัน) ในสัปดาห์ก่อน คิดเป็นร้อยละ 2.44
ราคาส่งออกแป้งมันสำปะหลัง สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 453 ดอลลาร์สหรัฐฯ (14,058 บาทต่อตัน) ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อนในรูปดอลลาร์สหรัฐฯ (14,146 บาทต่อตัน)
ปาล์มน้ำมัน
1. สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร คาดว่าปี 2562 ผลผลิตปาล์มน้ำมันเดือนกุมภาพันธ์จะมีประมาณ 1.572 ล้านตันคิดเป็นน้ำมันปาล์มดิบ 0.283 ล้านตัน สูงขึ้นจากผลผลิตปาล์มทะลาย 1.520 ล้านตัน คิดเป็นน้ำมันปาล์มดิบ 0.274 ล้านตัน ของเดือนมกราคม คิดเป็นร้อยละ 3.42 และร้อยละ 3.29 ตามลำดับ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาผลปาล์มทะลาย สัปดาห์นี้เฉลี่ย กก.ละ 2.53 บาท ลดลงจาก กก.ละ 2.62 บาท ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 3.44
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาน้ำมันปาล์มดิบ สัปดาห์นี้เฉลี่ย กก.ละ 16.19 บาท ลดลงจาก กก.ละ 16.75 บาท ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 3.34
2. ภาวะการผลิต การตลาด และราคาในตลาดต่างประเทศ
ราคาน้ำมันปาล์มดิบของมาเลเซียปรับตัวลดลงในรอบ 1 เดือน
ราคาน้ำมันปาล์มดิบในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2562 ปรับตัวลดลงอยู่ที่ 2,234 ริงกิตต่อตัน ซึ่งราคาน้ำมันปาล์มดิบปรับตัวลดลงต่ำสุดเมื่อ 18 มกราคม 2562 เนื่องจากความต้องการน้ำมันปาล์มดิบปรับตัวลดลงและราคาได้รับผลกระทบจากน้ำมันพืชถั่วเหลือง ขณะเดียวกันการส่งออกน้ำมันปาล์มดิบของมาเลเซีย ในช่วง 20 วันแรกของเดือนกุมภาพันธ์ 2562 เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.8 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของเดือนที่ผ่านมา และคาดว่าราคาน้ำมันปาล์มดิบของมาเลเซียจะปรับตัวสูงขึ้น
ราคาในตลาดต่างประเทศ
ตลาดมาเลเซีย ราคาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันปาล์มดิบสัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 2,170.82 ดอลลาร์มาเลเซีย (16.86 บาท/กก.) ลดลงจากตันละ 2,222.99 ดอลลาร์มาเลเซีย (17.37 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 2.35
ตลาดรอตเตอร์ดัม ราคาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันปาล์มดิบสัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 567.00 ดอลลาร์สหรัฐฯ (17.78 บาท/กก.) สูงขึ้นจากตันละ 562.50 ดอลลาร์สหรัฐฯ (17.73 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 0.80
หมายเหตุ : ราคาในตลาดต่างประเทศเฉลี่ย 5 วัน
อ้อยและน้ำตาล
1. สรุปภาวะการผลิต การตลาดและราคาในประเทศ
รายงานการผลิตน้ำตาลทรายของโรงงานน้ำตาลทั่วประเทศ
ศูนย์บริหารการผลิต สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทรายได้รายงานการเก็บเกี่ยวอ้อยและการผลิตน้ำตาลทรายตั้งแต่วันที่ 20 พฤศจิกายน 2561 จนถึงวันที่ 31 มกราคม 2562 ว่ามีอ้อยเก็บเกี่ยวเข้าโรงงานน้ำตาลไปแล้วจำนวน 64,366,074 ตัน ผลิตเป็นน้ำตาลได้ 6,624,271 ตัน แยกเป็นน้ำตาลทรายดิบ 5,296,459 ตัน และน้ำตาลทรายขาว 1,327,812 ตัน ค่าความหวานของอ้อยเฉลี่ย 11.91 ซี.ซี.เอส. ผลผลิต น้ำตาลทรายเฉลี่ยต่อตันอ้อย 102.92 กก.ต่อตันอ้อย
2. สรุปภาวการณ์ผลิตการตลาดและราคาในต่างประเทศ
ถั่วเหลือง
1. สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาถั่วเหลืองชนิดคละ สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 17.00 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 17.12 บาท
ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 0.70
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งถั่วเหลืองสกัดน้ำมัน สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 18.50 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
2. ภาวะการผลิต การตลาด และราคาในตลาดต่างประเทศ
ราคาในตลาดต่างประเทศ(ตลาดชิคาโก)
ราคาซื้อขายล่วงหน้าเมล็ดถั่วเหลือง สัปดาห์นี้เฉลี่ยบุชเชลละ 905.35 เซนต์ (10.43 บาท/กก.) ลดลงจาก บุชเชลละ 911.32 เซนต์ (10.55 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 0.66
ราคาซื้อขายล่วงหน้ากากถั่วเหลือง สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 305.75 ดอลลาร์สหรัฐฯ (9.59 บาท/กก.) ลดลงจากตันละ 307.16 ดอลลาร์สหรัฐฯ (9.68 บาท/กก.)ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 0.46
ราคาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันถั่วเหลืองสัปดาห์นี้เฉลี่ยปอนด์ละ 30.04 เซนต์ (20.76 บาท/กก.) ลดลงจากปอนด์ละ 30.26 เซนต์ (21.02 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 0.73
1. สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาถั่วเหลืองชนิดคละ สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 17.00 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 17.12 บาท
ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 0.70
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งถั่วเหลืองสกัดน้ำมัน สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 18.50 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
2. ภาวะการผลิต การตลาด และราคาในตลาดต่างประเทศ
ราคาในตลาดต่างประเทศ(ตลาดชิคาโก)
ราคาซื้อขายล่วงหน้าเมล็ดถั่วเหลือง สัปดาห์นี้เฉลี่ยบุชเชลละ 905.35 เซนต์ (10.43 บาท/กก.) ลดลงจาก บุชเชลละ 911.32 เซนต์ (10.55 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 0.66
ราคาซื้อขายล่วงหน้ากากถั่วเหลือง สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 305.75 ดอลลาร์สหรัฐฯ (9.59 บาท/กก.) ลดลงจากตันละ 307.16 ดอลลาร์สหรัฐฯ (9.68 บาท/กก.)ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 0.46
ราคาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันถั่วเหลืองสัปดาห์นี้เฉลี่ยปอนด์ละ 30.04 เซนต์ (20.76 บาท/กก.) ลดลงจากปอนด์ละ 30.26 เซนต์ (21.02 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 0.73
ยางพารา
สับปะรด
ถั่วเขียว
สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ถั่วเขียวผิวมันเมล็ดใหญ่คละ สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 22.88 บาท สูงขึ้นจากราคากิโลกรัมละ 22.75 บาท
ของสัปดาห์ก่อน ร้อยละ 0.57
ถั่วเขียวผิวมันเมล็ดเล็กคละ และถั่วเขียวผิวดำคละ สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ถั่วเขียวผิวมันเกรดเอ สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 27.00 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ถั่วเขียวผิวมันเกรดบี สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 24.00 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ถั่วเขียวผิวดำ ชั้น 1 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 25.00 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ถั่วเขียวผิวดำ ชั้น 2 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 14.00 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ถั่วนิ้วนางแดง สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 28.00 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ราคาส่งออก เอฟ.โอ.บี
ถั่วเขียวผิวมันเกรดเอ สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 903.50 ดอลลาร์สหรัฐ (27.95บาท/กิโลกรัม) สูงขึ้นจากตันละ 899.40 ดอลลาร์สหรัฐ (27.97 บาท/กิโลกรัม) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.46 แต่ลดลงในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.02 บาท
ถั่วเขียวผิวมันเกรดบี สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 806.00 ดอลลาร์สหรัฐ (24.93 บาท/กิโลกรัม) สูงขึ้นจากตันละ 802.40 ดอลลาร์สหรัฐ (24.95 บาท/กิโลกรัม) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.45 แต่ลดลงในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.02 บาท
ถั่วเขียวผิวดำ ชั้น 1 สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 838.25 ดอลลาร์สหรัฐ (25.93 บาท/กิโลกรัม) สูงขึ้นจากตันละ 834.80 ดอลลาร์สหรัฐ (25.96 บาท/กิโลกรัม) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.41 แต่ลดลงในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.03 บาท
ถั่วเขียวผิวดำ ชั้น 2 สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 481.00 ดอลลาร์สหรัฐ (14.88 บาท/กิโลกรัม) สูงขึ้นจากตันละ 478.80 ดอลลาร์สหรัฐ (14.89 บาท/กิโลกรัม) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.46 แต่ลดลงในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.01 บาท
ถั่วนิ้วนางแดง สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 929.50 ดอลลาร์สหรัฐ (28.75 บาท/กิโลกรัม) สูงขึ้นจากตันละ 925.20 ดอลลาร์สหรัฐ (28.77 บาท/กิโลกรัม) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.46 แต่ลดลงในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.02 บาท
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ถั่วเขียวผิวมันเมล็ดใหญ่คละ สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 22.88 บาท สูงขึ้นจากราคากิโลกรัมละ 22.75 บาท
ของสัปดาห์ก่อน ร้อยละ 0.57
ถั่วเขียวผิวมันเมล็ดเล็กคละ และถั่วเขียวผิวดำคละ สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ถั่วเขียวผิวมันเกรดเอ สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 27.00 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ถั่วเขียวผิวมันเกรดบี สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 24.00 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ถั่วเขียวผิวดำ ชั้น 1 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 25.00 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ถั่วเขียวผิวดำ ชั้น 2 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 14.00 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ถั่วนิ้วนางแดง สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 28.00 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ราคาส่งออก เอฟ.โอ.บี
ถั่วเขียวผิวมันเกรดเอ สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 903.50 ดอลลาร์สหรัฐ (27.95บาท/กิโลกรัม) สูงขึ้นจากตันละ 899.40 ดอลลาร์สหรัฐ (27.97 บาท/กิโลกรัม) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.46 แต่ลดลงในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.02 บาท
ถั่วเขียวผิวมันเกรดบี สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 806.00 ดอลลาร์สหรัฐ (24.93 บาท/กิโลกรัม) สูงขึ้นจากตันละ 802.40 ดอลลาร์สหรัฐ (24.95 บาท/กิโลกรัม) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.45 แต่ลดลงในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.02 บาท
ถั่วเขียวผิวดำ ชั้น 1 สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 838.25 ดอลลาร์สหรัฐ (25.93 บาท/กิโลกรัม) สูงขึ้นจากตันละ 834.80 ดอลลาร์สหรัฐ (25.96 บาท/กิโลกรัม) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.41 แต่ลดลงในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.03 บาท
ถั่วเขียวผิวดำ ชั้น 2 สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 481.00 ดอลลาร์สหรัฐ (14.88 บาท/กิโลกรัม) สูงขึ้นจากตันละ 478.80 ดอลลาร์สหรัฐ (14.89 บาท/กิโลกรัม) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.46 แต่ลดลงในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.01 บาท
ถั่วนิ้วนางแดง สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 929.50 ดอลลาร์สหรัฐ (28.75 บาท/กิโลกรัม) สูงขึ้นจากตันละ 925.20 ดอลลาร์สหรัฐ (28.77 บาท/กิโลกรัม) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.46 แต่ลดลงในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.02 บาท
ถั่วลิสง
สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
ความเคลื่อนไหวของราคาประจำสัปดาห์ มีดังนี้
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาถั่วลิสงทั้งเปลือกแห้ง สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 49.59 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 60.00 บาท
ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 17.35
ราคาถั่วลิสงทั้งเปลือกสด สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 26.15 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 26.63 บาท
ของสัปดาห์ก่อนร้อย 1.80
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาถั่วลิสงกะเทาะเปลือกชนิดคัดพิเศษ สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 60.00 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ราคาถั่วลิสงกะเทาะเปลือกชนิดคัดธรรมดา สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 51.00 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ความเคลื่อนไหวของราคาประจำสัปดาห์ มีดังนี้
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาถั่วลิสงทั้งเปลือกแห้ง สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 49.59 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 60.00 บาท
ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 17.35
ราคาถั่วลิสงทั้งเปลือกสด สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 26.15 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 26.63 บาท
ของสัปดาห์ก่อนร้อย 1.80
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาถั่วลิสงกะเทาะเปลือกชนิดคัดพิเศษ สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 60.00 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ราคาถั่วลิสงกะเทาะเปลือกชนิดคัดธรรมดา สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 51.00 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ฝ้าย
สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
ราคาที่เกษตรกรขายได้
ราคาฝ้ายรวมเมล็ดชนิดคละ สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
ราคาซื้อ-ขายล่วงหน้าตลาดนิวยอร์ก (New York Cotton Futures)
ราคาซื้อ-ขายล่วงหน้า เพื่อส่งมอบเดือนมีนาคม 2562 สัปดาห์นี้เฉลี่ยปอนด์ละ 70.78 เซนต์(กิโลกรัมละ 48.93 บาท) ลดลงจากปอนด์ละ 70.97 เซนต์ (กิโลกรัมละ 49.32 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.27และลดลงในรูปของเงินบาทกิโลกรัมละ 0.39 บาท
ราคาฝ้ายรวมเมล็ดชนิดคละ สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
ราคาซื้อ-ขายล่วงหน้าตลาดนิวยอร์ก (New York Cotton Futures)
ราคาซื้อ-ขายล่วงหน้า เพื่อส่งมอบเดือนมีนาคม 2562 สัปดาห์นี้เฉลี่ยปอนด์ละ 70.78 เซนต์(กิโลกรัมละ 48.93 บาท) ลดลงจากปอนด์ละ 70.97 เซนต์ (กิโลกรัมละ 49.32 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.27และลดลงในรูปของเงินบาทกิโลกรัมละ 0.39 บาท
ไหม
ราคาเส้นไหมพื้นเมืองเกรด 1 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 1,628 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 1,564 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 4.09
ราคาเส้นไหมพื้นเมืองเกรด 2 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 1,332 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาเส้นไหมพื้นเมืองเกรด 3 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 842 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาเส้นไหมพื้นเมืองเกรด 2 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 1,332 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาเส้นไหมพื้นเมืองเกรด 3 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 842 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
ปศุสัตว์
สุกร
สถานการณ์การผลิต การค้า และราคาในประเทศ
สัปดาห์นี้ภาวะตลาดสุกรราคาสุกรมีชีวิตที่เกษตรกรขายได้ค่อนข้างทรงตัวจากสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากความต้องการบริโภคเนื้อสุกรที่มีไม่มากนักใกล้เคียงกับปริมาณสุกรที่ออกสู่ตลาด แนวโน้มสัปดาห์หน้าคาดว่าราคาจะทรงตัว
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
สุกรมีชีวิตพันธุ์ผสมน้ำหนัก 100 กิโลกรัมขึ้นไป ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ กิโลกรัมละ 67.18 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 67.54 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 0.53 โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 67.08 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กิโลกรัมละ 60.92 บาท ภาคกลาง กิโลกรัมละ 68.49 บาท และภาคใต้ กิโลกรัมละ 71.42 บาท ส่วนราคาลูกสุกรตามประกาศของบริษัท ซี.พี. ในสัปดาห์นี้ ตัวละ 2,100 บาท (บวกลบ 70 บาท) ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งสุกรมีชีวิต ณ แหล่งผลิตภาคกลาง จากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยกิโลกรัมละ 73.50 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
สัปดาห์นี้ภาวะตลาดสุกรราคาสุกรมีชีวิตที่เกษตรกรขายได้ค่อนข้างทรงตัวจากสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากความต้องการบริโภคเนื้อสุกรที่มีไม่มากนักใกล้เคียงกับปริมาณสุกรที่ออกสู่ตลาด แนวโน้มสัปดาห์หน้าคาดว่าราคาจะทรงตัว
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
สุกรมีชีวิตพันธุ์ผสมน้ำหนัก 100 กิโลกรัมขึ้นไป ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ กิโลกรัมละ 67.18 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 67.54 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 0.53 โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 67.08 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กิโลกรัมละ 60.92 บาท ภาคกลาง กิโลกรัมละ 68.49 บาท และภาคใต้ กิโลกรัมละ 71.42 บาท ส่วนราคาลูกสุกรตามประกาศของบริษัท ซี.พี. ในสัปดาห์นี้ ตัวละ 2,100 บาท (บวกลบ 70 บาท) ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งสุกรมีชีวิต ณ แหล่งผลิตภาคกลาง จากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยกิโลกรัมละ 73.50 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
ไก่เนื้อ
สถานการณ์การผลิต การค้า และราคาในประเทศ
ภาวะตลาดไก่เนื้อสัปดาห์นี้ราคาไก่เนื้อที่เกษตรกรขายได้ค่อนข้างทรงตัวจากสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากผลผลิตไก่เนื้อออกสู่ตลาดใกล้เคียงความต้องการบริโภคที่ค่อนข้างทรงตัว แนวโน้มสัปดาห์หน้าคาดว่าราคาจะทรงตัว
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาไก่เนื้อที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ กิโลกรัมละ 36.81 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 36.98 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 0.46 โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 35.00 บาท ภาคกลาง กิโลกรัมละ 36.76 บาท ภาคใต้ กิโลกรัมละ 39.63 บาท และภาคตะวันออกเฉียงเหนือไม่มีรายงาน ส่วนราคาลูกไก่เนื้อตามประกาศของบริษัท ซี.พี ในสัปดาห์นี้ ตัวละ 11.50 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งไก่มีชีวิตหน้าโรงฆ่า จากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยกิโลกรัมละ 34.50 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 32.50 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 6.54 และราคาขายส่งไก่สดทั้งตัวรวมเครื่องใน เฉลี่ยกิโลกรัมละ 47.00 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
ภาวะตลาดไก่เนื้อสัปดาห์นี้ราคาไก่เนื้อที่เกษตรกรขายได้ค่อนข้างทรงตัวจากสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากผลผลิตไก่เนื้อออกสู่ตลาดใกล้เคียงความต้องการบริโภคที่ค่อนข้างทรงตัว แนวโน้มสัปดาห์หน้าคาดว่าราคาจะทรงตัว
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาไก่เนื้อที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ กิโลกรัมละ 36.81 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 36.98 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 0.46 โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 35.00 บาท ภาคกลาง กิโลกรัมละ 36.76 บาท ภาคใต้ กิโลกรัมละ 39.63 บาท และภาคตะวันออกเฉียงเหนือไม่มีรายงาน ส่วนราคาลูกไก่เนื้อตามประกาศของบริษัท ซี.พี ในสัปดาห์นี้ ตัวละ 11.50 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งไก่มีชีวิตหน้าโรงฆ่า จากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยกิโลกรัมละ 34.50 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 32.50 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 6.54 และราคาขายส่งไก่สดทั้งตัวรวมเครื่องใน เฉลี่ยกิโลกรัมละ 47.00 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
ไข่ไก่
สถานการณ์การผลิต การค้า และราคาในประเทศ
สถานการณ์ตลาดไข่ไก่สัปดาห์นี้ราคาไข่ไก่ที่เกษตรกรขายได้ค่อนข้างทรงตัวจากสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากผลผลิตไข่ไก่ออกสู่ตลาดใกล้เคียงกับความต้องการบริโภค แนวโน้มสัปดาห์หน้าคาดว่าราคาจะ ทรงตัว
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาไข่ไก่ที่เกษตรกรขายได้ เฉลี่ยทั้งประเทศร้อยฟองละ 275 บาท ลดลงจากร้อยฟองละ 276 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 0.36 โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ ร้อยฟองละ 300 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร้อยฟองละ 283 บาท ภาคกลางร้อยฟองละ 266 บาท และภาคใต้ไม่มีรายงาน ส่วนราคาลูกไก่ไข่ตามประกาศของบริษัท ซี.พี. ในสัปดาห์นี้ ตัวละ 15.00 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งไข่ไก่ (เฉลี่ยเบอร์ 0-4) ในตลาดกรุงเทพฯจากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยร้อยฟองละ 271 บาท ลดลงจากร้อยฟองละ 281 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 3.56
สถานการณ์ตลาดไข่ไก่สัปดาห์นี้ราคาไข่ไก่ที่เกษตรกรขายได้ค่อนข้างทรงตัวจากสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากผลผลิตไข่ไก่ออกสู่ตลาดใกล้เคียงกับความต้องการบริโภค แนวโน้มสัปดาห์หน้าคาดว่าราคาจะ ทรงตัว
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาไข่ไก่ที่เกษตรกรขายได้ เฉลี่ยทั้งประเทศร้อยฟองละ 275 บาท ลดลงจากร้อยฟองละ 276 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 0.36 โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ ร้อยฟองละ 300 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร้อยฟองละ 283 บาท ภาคกลางร้อยฟองละ 266 บาท และภาคใต้ไม่มีรายงาน ส่วนราคาลูกไก่ไข่ตามประกาศของบริษัท ซี.พี. ในสัปดาห์นี้ ตัวละ 15.00 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งไข่ไก่ (เฉลี่ยเบอร์ 0-4) ในตลาดกรุงเทพฯจากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยร้อยฟองละ 271 บาท ลดลงจากร้อยฟองละ 281 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 3.56
ไข่เป็ด
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาไข่เป็ดที่เกษตรกรขายได้ เฉลี่ยทั้งประเทศร้อยฟองละ 327 บาท ลดลงจากร้อยฟองละ 328 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 0.30 โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ ร้อยฟองละ 359 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร้อยฟองละ 332 บาท ภาคกลาง ร้อยฟองละ 300 บาท และภาคใต้ ร้อยฟองละ 344 บาท
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งไข่เป็ดคละ ณ แหล่งผลิตภาคกลาง จากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยร้อยฟองละ 340 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาไข่เป็ดที่เกษตรกรขายได้ เฉลี่ยทั้งประเทศร้อยฟองละ 327 บาท ลดลงจากร้อยฟองละ 328 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 0.30 โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ ร้อยฟองละ 359 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร้อยฟองละ 332 บาท ภาคกลาง ร้อยฟองละ 300 บาท และภาคใต้ ร้อยฟองละ 344 บาท
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งไข่เป็ดคละ ณ แหล่งผลิตภาคกลาง จากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยร้อยฟองละ 340 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
โคเนื้อ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาโคพันธุ์ลูกผสม (ขนาดกลาง) ที่เกษตรกรขายได้ เฉลี่ยทั้งประเทศกิโลกรัมละ 88.49 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 88.52 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 0.03 แยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 89.62 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กิโลกรัมละ 85.07 บาท ภาคกลาง กิโลกรัมละ 84.46 บาท และภาคใต้กิโลกรัมละ 101.72 บาท
ราคาโคพันธุ์ลูกผสม (ขนาดกลาง) ที่เกษตรกรขายได้ เฉลี่ยทั้งประเทศกิโลกรัมละ 88.49 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 88.52 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 0.03 แยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 89.62 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กิโลกรัมละ 85.07 บาท ภาคกลาง กิโลกรัมละ 84.46 บาท และภาคใต้กิโลกรัมละ 101.72 บาท
กระบือ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคากระบือ (ขนาดกลาง) ที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศกิโลกรัมละ 69.20 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 69.91 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 1.02 โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 90.72 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กิโลกรัมละ 65.05 บาท ภาคกลางและภาคใต้ไม่มีรายงานราคา
ราคากระบือ (ขนาดกลาง) ที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศกิโลกรัมละ 69.20 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 69.91 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 1.02 โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 90.72 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กิโลกรัมละ 65.05 บาท ภาคกลางและภาคใต้ไม่มีรายงานราคา
ประมง
1. สถานการณ์การผลิต การตลาดและราคาในประเทศ
การผลิต
เปลี่ยนถ่ายกระชังลูกใหม่หรือเพิ่มออกซิเจนในน้ำนช่วงดังกล่าวเป็นช่วงที่น้ำตาย โดยเฉพาะในช่วงกลางคืนบวกกับออกซิเจนในน้ำค่อนในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา (ระหว่างวันที่ 15 – 21 กุมภาพันธ์ 2562) ไม่มีรายงานปริมาณจากองค์การสะพานปลากรุงเทพฯ
การตลาด
ความเคลื่อนไหวของราคาสัตว์น้ำที่สำคัญประจำสัปดาห์นี้มีดังนี้ คือ
2.1 ปลาดุกบิ๊กอุย (ขนาด 3-4 ตัว/กก.) ราคาที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 45.00 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯเฉลี่ยกิโลกรัมละ 80.00 บาท
ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
2.2 ปลาช่อน (ขนาดกลาง) ราคาที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 87.74 บาท ราคาลดลงจากกิโลกรัมละ 88.85 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 1.11 บาท
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ เฉลี่ยกิโลกรัมละ 120.00 บาท
ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
2.3 กุ้งกุลาดำ ราคาที่ชาวประมงขายได้ขนาด 60 ตัวต่อกิโลกรัมและราคา ณ ตลาดทะเลไทย จ.สมุทรสาครขนาดกลาง (60 ตัว/กก.) สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
2.4 กุ้งขาวแวนนาไม ราคาที่ชาวประมงขายได้ขนาด 70 ตัวต่อกิโลกรัมเฉลี่ยกิโลกรัมละ165.17 บาท ราคาลดลงจากกิโลกรัมละ 173.39 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 8.22 บาท
สำหรับราคา ณ ตลาดทะเลไทย จ.สมุทรสาครขนาด 70 ตัวต่อกิโลกรัม เฉลี่ยกิโลกรัมละ 151.67 บาท ราคาลดลงจากกิโลกรัมละ 166.67 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 15.00 บาท
2.5 ปลาทู (ขนาดกลาง) ราคาปลาทูสดที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 76.88 บาท ราคาสูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 75.25 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 1.63 บาท
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ เฉลี่ยกิโลกรัมละ 85.00 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
2.6 ปลาหมึกกระดอง (ขนาดกลาง) ราคาปลาหมึกกระดองสดที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 140.00 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ เฉลี่ยกิโลกรัมละ 200.00 บาท ราคา ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
2.7 ปลาเป็ดและปลาป่น ราคาปลาเป็ดที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 8.45 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
สำหรับราคาขายส่งปลาป่นชนิดโปรตีนต่ำกว่า 60% (ระหว่างวันที่ 8-14 กุมภาพันธ์ 2562) ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 26.00 บาท ราคาลดลงจากกิโลกรัมละ 26.71 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 0.71 บาท
1. สถานการณ์การผลิต การตลาดและราคาในประเทศ
การผลิต
เปลี่ยนถ่ายกระชังลูกใหม่หรือเพิ่มออกซิเจนในน้ำนช่วงดังกล่าวเป็นช่วงที่น้ำตาย โดยเฉพาะในช่วงกลางคืนบวกกับออกซิเจนในน้ำค่อนในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา (ระหว่างวันที่ 15 – 21 กุมภาพันธ์ 2562) ไม่มีรายงานปริมาณจากองค์การสะพานปลากรุงเทพฯ
การตลาด
ความเคลื่อนไหวของราคาสัตว์น้ำที่สำคัญประจำสัปดาห์นี้มีดังนี้ คือ
2.1 ปลาดุกบิ๊กอุย (ขนาด 3-4 ตัว/กก.) ราคาที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 45.00 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯเฉลี่ยกิโลกรัมละ 80.00 บาท
ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
2.2 ปลาช่อน (ขนาดกลาง) ราคาที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 87.74 บาท ราคาลดลงจากกิโลกรัมละ 88.85 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 1.11 บาท
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ เฉลี่ยกิโลกรัมละ 120.00 บาท
ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
2.3 กุ้งกุลาดำ ราคาที่ชาวประมงขายได้ขนาด 60 ตัวต่อกิโลกรัมและราคา ณ ตลาดทะเลไทย จ.สมุทรสาครขนาดกลาง (60 ตัว/กก.) สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
2.4 กุ้งขาวแวนนาไม ราคาที่ชาวประมงขายได้ขนาด 70 ตัวต่อกิโลกรัมเฉลี่ยกิโลกรัมละ165.17 บาท ราคาลดลงจากกิโลกรัมละ 173.39 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 8.22 บาท
สำหรับราคา ณ ตลาดทะเลไทย จ.สมุทรสาครขนาด 70 ตัวต่อกิโลกรัม เฉลี่ยกิโลกรัมละ 151.67 บาท ราคาลดลงจากกิโลกรัมละ 166.67 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 15.00 บาท
2.5 ปลาทู (ขนาดกลาง) ราคาปลาทูสดที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 76.88 บาท ราคาสูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 75.25 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 1.63 บาท
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ เฉลี่ยกิโลกรัมละ 85.00 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
2.6 ปลาหมึกกระดอง (ขนาดกลาง) ราคาปลาหมึกกระดองสดที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 140.00 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ เฉลี่ยกิโลกรัมละ 200.00 บาท ราคา ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
2.7 ปลาเป็ดและปลาป่น ราคาปลาเป็ดที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 8.45 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
สำหรับราคาขายส่งปลาป่นชนิดโปรตีนต่ำกว่า 60% (ระหว่างวันที่ 8-14 กุมภาพันธ์ 2562) ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 26.00 บาท ราคาลดลงจากกิโลกรัมละ 26.71 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 0.71 บาท