กลุ่มวิสาหกิจชุมชนบ้านหนองมัง ผลสำเร็จจากการทำอินทรีย์ทฤษฎีใหม่ ต้นทุนลด รายได้งาม

ข่าวที่ 35/2562 วันที่ 22 มีนาคม 2562
กลุ่มวิสาหกิจชุมชนบ้านหนองมัง ผลสำเร็จจากการทำอินทรีย์ทฤษฎีใหม่ ต้นทุนลด รายได้งาม
          
           นายไพฑูรย์ สีลาพัฒน์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 11 จังหวัดอุบลราชธานี (สศท.11) สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) เปิดเผยว่า กลุ่มวิสาหกิจชุมชนเกษตรอินทรีย์บ้านหนองมัง อำเภอสำโรง จังหวัดอุบลราชธานี เป็นตัวอย่างกลุ่มวิสาหกิจที่ทำเกษตรอินทรีย์ประสบความสำเร็จ เห็นผลเป็นรูปธรรม โดยมีนายปิยะทัศน์ ทัศนิยม ประธานกลุ่มฯ ที่ได้น้อมนำหลักแนวคิดเกษตรทฤษฏีใหม่ รวมกลุ่มทำเกษตรอินทรีย์โดยปลูกข้าวเป็นหลัก ซึ่งการปลูกพืชอินทรีย์ของกลุ่มวิสาหกิจชุมชม สามารถลดต้นทุน ผลผลิตขายได้ราคาสูง ทำให้เกษตรกรมีกำไรเฉลี่ยต่อครัวเรือนมากขึ้น
           สศท.11 ได้ดำเนินการสำรวจข้อมูลต้นทุน ผลผลิต และราคาที่เกษตรกรขายได้ จากการผลิตพืชอินทรีย์ ปี 2562 ของเกษตรกรกลุ่มวิสาหกิจชุมชนเกษตรอินทรีย์บ้านหนองมัง อำเภอสำโรง จังหวัดอุบลราชธานี โดยผลการสำรวจพบว่า
           ข้าวนาปี มีต้นทุนรวม 3,982 บาท/ไร่  ให้ผลผลิต 378 กิโลกรัม/ไร่ ราคาที่เกษตรกรขายได้อยู่ที่ 16.20 บาท/กิโลกรัม ผลตอบแทนสุทธิ (กำไร) 2,140 บาท/ไร่
           พริก ต้นทุนรวม 22,768 บาท/ไร่ ให้ผลผลิต 1,613 กิโลกรัม/ไร่ ราคาที่เกษตรกรขายได้อยู่ที่ 48 บาท/กิโลกรัม ผลตอบแทนสุทธิ (กำไร) 54,047 บาท/ไร่
           ถั่วเขียว ต้นทุนรวม 1,628 บาท/ไร่ ให้ผลผลิต 61 กิโลกรัม/ไร่ ราคาที่เกษตรกรขายได้อยู่ที่ 57 บาท/กิโลกรัม ผลตอบแทนสุทธิ (กำไร) 1,864 บาท/ไร่
          ต้นหอม ต้นทุนรวม 27,650 บาท/ไร่  ให้ผลผลิต 1,180 กิโลกรัม/ไร่ ราคาที่เกษตรกรขายได้อยู่ที่ 44 บาท/กิโลกรัม ผลตอบแทนสุทธิ (กำไร) 24,659 บาท/ไร่
          หอมแดง ต้นทุนรวม 16,045 บาท/ไร่ ให้ผลผลิต 896 กิโลกรัม/ไร่ ราคาที่เกษตรกรขายได้อยู่ที่ 60 บาท/กิโลกรัม ผลตอบแทนสุทธิ (กำไร) 37,428 บาท/ไร่
          กระเทียม ต้นทุนรวม 26,115 บาท/ไร่  ให้ผลผลิต 369 กิโลกรัม/ไร่ ราคาที่เกษตรกรขายได้อยู่ที่ 180 บาท/กิโลกรัม ผลตอบแทนสุทธิ (กำไร) 40,309 บาท/ไร่
          คะน้า ต้นทุนรวม 4,757 บาท/ไร่ ให้ผลผลิต 780 กิโลกรัม/ไร่ ราคาที่เกษตรกรขายได้อยู่ที่ 53 บาท/กิโลกรัม ผลตอบแทนสุทธิ (กำไร) 36,315 บาท/ไร่
          นอกจากนี้ สศท.11 ยังได้สำรวจพืชอินทรีย์ต่างๆ ได้แก่ ผักกาดขาว มะเขือเปราะ ขึ้นฉ่าย ผักกาดหอม และ ผักกาดหัว ซึ่งภาพรวมพบว่า การทำเกษตรอินทรีย์ในพื้นที่ดังกล่าว เกษตรกรมีการควบคุมต้นทุนการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ สินค้าที่ผลิตมีราคาขายสูงเป็นที่น่าพอใจ ส่งผลให้ผลตอบแทนต่อไร่สูง เกษตรกรมีรายได้ดี อีกทั้งยังส่งผลเสริมสุขภาพและคุณภาพชีวิตทั้งเกษตรกรและผู้บริโภคอีกด้วย
           กลุ่มวิสาหกิจชุมชนเกษตรอินทรีย์ บ้านหนองมัง จัดตั้งขึ้นเมื่อปี 2549 ปัจจุบันมีสมาชิก 14 ครอบครัว ส่วนใหญ่ปลูกพืชหมุนเวียนตลอดทั้งปี เนื่องจากมีโรงเรือนพลาสติกคัดเลือกแสง สำหรับคลุมโรงเรือนเพาะปลูก ซึ่งช่วยให้เกษตรกรปลูกผักได้ดีในฤดูฝน ผลผลิตที่โดดเด่นของกลุ่ม คือ ข้าวสินเหล็ก ข้าวหอมนิล ข้าวหอมมะลิแดง และพืชหลังนา เช่น ปลูกผักอินทรีย์ หอมแดง กระเทียม  ถั่วเขียว มีการกำหนดระเบียบ เพื่อควบคุมคุณภาพการผลิตตามมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ งดการใช้ปัจจัยการผลิตจากภายนอกเพื่อป้องกันการปนสารเคมี ใช้เฉพาะปัจจัยการผลิตที่ร่วมกันทำขึ้นเอง อาทิ ปุ๋ยหมัก จุลินทรีย์สังเคราะห์แสง เชื้อรา ไตรโคเดอร์มา ไส้เดือนฝอย โดยมีการพัฒนากระบวนการผลิตอย่างต่อเนื่อง ทำให้ปัจจุบันได้กลายเป็นศูนย์ถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านเกษตรอินทรีย์ ให้แก่เกษตรกรที่สนใจเรียนรู้การทำเกษตรอินทรีย์แบบยั้งยืน  สินค้าอินทรีย์กลุ่มวิสาหกิจชุมชนเกษตรอินทรีย์บ้านหนองมัง เป็นที่ต้องการของตลาดอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งหน่วยงานในพื้นที่ทั้งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงสาธารณสุข องค์การปกครองส่วนท้องถิ่น สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา รวมทั้งภาคเอกชนต่างๆ ให้การสนับสนุนตลาดสินค้าข้าวอินทรีย์ พืชผักอินทรีย์ เพื่อส่งไปจำหน่ายตามสถานที่ต่างๆ เช่น โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ โรงพยาบาลสำโรง ร้านบุญนิยม เลมอนฟาร์ม รวมถึงการจำหน่ายด้วยตนเอง สำหรับท่านที่สนใจข้อมูลผลการสำรวจพืชอินทรีย์เพิ่มเติม สามารถสอบถามสอบเพิ่มเติมได้ที่ สศท.11 โทร. 0 4534 4653 อีเมล zone11@oae.go.th และสามารถขอคำปรึกษาได้ที่ นายปิยะทัศน์ ทัศนิยม ประธานกลุ่มฯ โทร. 09 5532 9707 ซึ่งยินดีให้คำปรึกษาแก่เกษตรกร/กลุ่มเกษตรกร ที่สนใจทำการผลิตแบบอินทรีย์
 
***********************************
ข่าว  :  ส่วนประชาสัมพันธ์ / ข้อมูล : สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 11 จังหวัดอุบลราชธานี