- ข้อมูลเศรษฐกิจการเกษตร
- ภาวะเศรษฐกิจการเกษตร
- รายละเอียดภาวะเศรษฐกิจการเกษตร
ข้อมูลเศรษฐกิจการเกษตร
สถานการณ์การผลิตและการตลาดรายสัปดาห์ 13-19 ก.ค. 61
ข้าว
1. สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาในประเทศ
1.1 การตลาด
มาตรการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวปีการผลิต 2561/62
มติที่ประชุม คณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) ครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2561 เห็นชอบในหลักการมาตรการฯ ด้านการผลิตและการตลาด ทั้งหมด 10 โครงการ และครั้งที่ 3 เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2561 เห็นชอบในรายละเอียดโครงการด้านการตลาดจากโครงการเดิม จำนวน 3 โครงการ ดั้งนั้นรวมมีจำนวนโครงการฯ ทั้งสิ้น 10 โครงการ ดังนี้
(1) ด้านการผลิต ได้แก่
1) โครงการส่งเสริมระบบการเกษตรแบบนาแปลงใหญ่ (นาแปลงใหญ่)
2) โครงการส่งเสริมการผลิตข้าวอินทรีย์
3) โครงการพัฒนาเกษตรกรปราดเปรื่อง
4) โครงการส่งเสริมระบบการเกษตรแบบแม่นยำสูง (Precision Farming)
5) โครงการส่งเสริมการผลิตข้าวหอมมะลิคุณภาพชั้นเลิศ
6) โครงการส่งเสริมการผลิตและการตลาดข้าวพันธุ์ กข 43 เพื่อสุขภาพแบบครบวงจร
7) โครงการปรับเปลี่ยนระบบการผลิตข้าวในพื้นที่ลุ่มต่ำ 13 ทุ่ง
(2) ด้านการตลาด ได้แก่
1) โครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี และการช่วยเหลือค่าเก็บเกี่ยวและปรับปรุงคุณภาพข้าว
2) โครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร
3) โครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต็อก
1.2 ราคา
1) ราคาที่เกษตรกรขายได้ทั้งประเทศ
ข้าวเปลือกเจ้านาปีหอมมะลิ สัปดาห์นี้ เฉลี่ยตันละ 15,987 บาท ราคาลดลงจากตันละ 16,026 บาท ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.24
ข้าวเปลือกเจ้าความชื้น 15% สัปดาห์นี้ เฉลี่ยตันละ 7,576 บาท ราคาลดลงจากตันละ 7,724 บาท ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.92
2) ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ข้าวหอมมะลิ 100% ชั้น 1 (ใหม่) สัปดาห์นี้ เฉลี่ยตันละ 35,650 บาท ราคาลดลงจากตันละ 35,690 บาท ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.11
ข้าวขาว 5% (ใหม่) สัปดาห์นี้ เฉลี่ยตันละ 11,750 บาท ราคาเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
3) ราคาส่งออกเอฟโอบี
ข้าวหอมมะลิไทย 100% (ใหม่) สัปดาห์นี้ เฉลี่ยตันละ 1,117 ดอลลาร์สหรัฐฯ (37,128 บาท/ตัน) ราคาลดลงจากตันละ 1,120 ดอลลาร์สหรัฐฯ (36,896 บาท/ตัน) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.27 แต่เพิ่มขึ้นในรูปเงินบาทตันละ 232 บาท
ข้าวขาว 5% สัปดาห์นี้ เฉลี่ยตันละ 397 ดอลลาร์สหรัฐฯ (13,196 บาท/ตัน) ราคาลดลงจากตันละ 398 ดอลลาร์สหรัฐฯ (13,111 บาท/ตัน) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.25 แต่เพิ่มขึ้นในรูปเงินบาทตันละ 85 บาท
ข้าวขาว 25% สัปดาห์นี้ เฉลี่ยตันละ 389 ดอลลาร์สหรัฐฯ (12,930 บาท/ตัน) ราคาลดลงจากตันละ 390 ดอลลาร์สหรัฐฯ (12,848 บาท/ตัน) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.26 แต่เพิ่มขึ้นในรูปเงินบาทตันละ 82 บาท
ข้าวนึ่ง 5% สัปดาห์นี้ เฉลี่ยตันละ 394 ดอลลาร์สหรัฐฯ (13,096 บาท/ตัน) ราคาลดลงจากตันละ 395 ดอลลาร์สหรัฐฯ (13,012 บาท/ตัน) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.25 แต่เพิ่มขึ้นในรูปเงินบาทตันละ 84 บาท
หมายเหตุ : อัตราแลกเปลี่ยน 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ เท่ากับ 33.2389
2. สถานการณ์ข้าวของประเทศผู้ผลิตและผู้บริโภคที่สำคัญ
ไทย – จีน
จีนเป็นรายแรกที่ซื้อข้าว กข 43 ของไทย กระทรวงพาณิชย์สนใจลงนาม MOU โดยตั้งเป้าไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นตัน รวมถึงข้าวสี ข้าวพิเศษ มั่นใจเจาะตลาดจีนได้แน่ เล็งโปรโมตในสหรัฐฯ แคนาดา ยุโรป ออสเตรเลีย ฮ่องกง สิงคโปร์
เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ (น.ส.ชุติมา บุณยประภัศร) เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MOU) ระหว่างบริษัท เมดิฟูดส์ จำกัด และบริษัท เจอเจียงจงผาน ซีเรียล แอนด์ ออยล์ จำกัด จากประเทศจีน เพื่อผลักดันข้าว กข 43 เข้าสู่ตลาดจีน ว่า กระทรวงพาณิชย์ได้หาตลาดรองรับและเพิ่มช่องทางการจำหน่ายข้าวพันธุ์ กข 43 โดยบริษัทจีนที่มาลงนามในครั้งนี้ นำเข้าข้าวจากไทยอยู่แล้ว โดยเฉพาะข้าวสี และข้าวชนิดพิเศษ แต่จะหันมาเพิ่มการนำเข้าข้าว กข 43 ซึ่งเป็นรายแรกของจีนที่นำเข้าข้าวชนิดนี้ โดยได้ตั้งเป้านำเข้าข้าวจากไทย ทั้งข้าว กข43 ข้าวสี ข้าวชนิดพิเศษไม่ต่ำกว่า 10,000 ตัน พร้อมทั้งกล่าวว่า “ทั้ง 2 บริษัทจะร่วมมือกัน
ทำตลาดข้าวพันธุ์ กข43 ในจีน โดยบริษัทไทยจะเป็นผู้จัดหาข้าว กข43 ให้กับบริษัทจีน และบริษัทจีนจะนำไปขาย
ทั้งช่องทางการค้าปกติ และการขายผ่านอี – คอมเมิร์ซ โดยเฉพาะการขายในเว็บไซต์ Tmall.com ที่บริษัทจีนรายนี้
ขายอยู่แล้ว รวมถึงเว็บไซต์อื่นๆ ด้วย ซึ่งจะทำให้ข้าว กข43 ของไทยเจาะตลาดจีนได้”
อย่างไรก็ตาม คาดว่า ข้าว กข43 ที่กำลังออกสู่ตลาดในช่วงเดือนสิงหาคม – กันยายนนี้ จะมีปริมาณ 13,000 ตันข้าวสาร ซึ่งได้เดินหน้าหาตลาดรองรับผลผลิตให้เกษตรกรอย่างต่อเนื่อง ซึ่งกำลังจะโปรโมตในตลาดอื่นๆ อีก เช่น สหรัฐอเมริกา แคนาดา ยุโรป ออสเตรเลีย ฮ่องกง สิงคโปร์ เป็นต้น โดยมั่นใจว่าจะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี เพราะข้าว กข43 ถือเป็นข้าวพันธุ์พิเศษที่มีผลดีต่อสุขภาพ จากการศึกษาวิจัย พบว่า เป็นข้าวทางเลือกของผู้ใส่ใจสุขภาพ เมื่อหุงต้มจะมีลักษณะนุ่ม มีกลิ่นหอม
ส่วนการจัดกิจกรรมในครั้งนี้เป็นการต่อยอดจากความร่วมมือกับบริษัทอาลีบาบา กรุ๊ป จำกัด ในการส่งเสริมสินค้าเกษตรและนวัตกรรมเกษตรไทยให้สามารถเจาะตลาดจีนแบบส่งตรงถึงมือผู้บริโภค (B2C) ผ่านเว็บไซต์ Tmall.com โดยได้เปิดตัว Thai Rice Flagship Store ซึ่งเป็นเหมือนร้านขายสินค้าข้าวจากไทยบนเว็บไซต์ Tmall.com เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา และร่วมมือกับอาลีบาบาผลักดันสินค้าเกษตรอื่นๆ เช่น ข้าวและผลิตภัณฑ์ ผลไม้สด และผลไม้แปรรูป โดยได้รับผลตอบรับอย่างดีจากผู้ประกอบการไทยที่สนใจเข้าร่วมโครงการ และผู้บริโภคชาวจีนที่ให้ความสนใจสินค้าไทย ทั้งข้าว ผลิตภัณฑ์จากข้าว และผลไม้ โดยเฉพาะทุเรียนหมอนทอง และลำไย
สำนักข่าวรอยเตอร์ (Reuters) รายงานว่า การประมูลขายข้าวจากสต็อกของรัฐบาล เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม
ที่ผ่านมา ศูนย์การค้าธัญพืชแห่งชาติ (the National Grain Trade Center) สามารถระบายข้าวได้ 145,156 ตัน (จากที่ นำมาประมูลทั้งหมดประมาณ 2.387 ล้านตัน) โดยราคาเฉลี่ยที่ขายได้อยู่ที่ประมาณ 2,248 หยวนต่อตัน หรือประมาณ 339.83 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน
ส่วนการประมูลขายข้าวจากสต็อกของรัฐบาล เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคมที่ผ่านมา ศูนย์การค้าธัญพืชแห่งชาติสามารถระบายข้าวได้ 63,079 ตัน (จากที่นำมาประมูลทั้งหมดประมาณ 1.026 ล้านตัน) โดยราคาเฉลี่ยที่ขายได้อยู่ที่ประมาณ 2,604 หยวนต่อตัน หรือประมาณ 388.98 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน
ที่มา : ไทยรัฐออนไลน์, สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย
อินเดีย
ภาวะราคาข้าวในสัปดาห์ที่ผ่านมาค่อนข้างทรงตัว หลังจากราคาได้ปรับลดลงต่ำสุดในรอบ 14 เดือน ท่ามกลางภาวะความต้องการข้าวจากต่างประเทศที่ลดลง โดยเฉพาะจากบังคลาเทศและศรีลังกา ขณะที่คำสั่งซื้อจากตลาดแอฟริกามีปริมาณไม่มากนัก ประกอบกับค่าเงินรูปียังคงอ่อนค่าลง ซึ่งนับตั้งต้นปีที่ผ่านมาค่าเงินรูปีอ่อนค่าลงไปแล้วประมาณร้อยละ 7 ทั้งนี้ ราคาข้าวนึ่ง 5% อยู่ที่ตันละ 388-392 ดอลลาร์สหรัฐฯ เท่ากับสัปดาห์ก่อนหน้า
มีรายงานว่า เมื่อเร็วๆ นี้ เจ้าหน้าที่ของหน่วยงานจีนได้เดินทางไปตรวจโรงสีที่แปรรูปข้าวขาวที่ไม่ใช้บาสมาติ
ของอินเดียแล้ว หลังจากรัฐบาลของทั้งสองประเทศได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจ (memorandum of understanding; MoU) เกี่ยวกับการส่งออกข้าวขาวที่ไม่ใช่บาสมาติจากอินเดียไปจีนแล้วเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ซึ่งสาระสำคัญของ MoU คือภายใต้พิธีสารปี 2549 เรื่อง ข้อกำหนดด้านสุขอนามัยพืชเพื่อการส่งออกข้าวจากอินเดียไปยังประเทศจีน
ได้รับการแก้ไขเพื่อให้ครอบคลุมถึงการส่งออกข้าวขาวที่ไม่ใช่ข้าวบาสมาติด้วย
หลังจากทางการอินเดียมีนโยบายปรับราคารับซื้อขั้นต่ำ (the minimum support price; MSP) สำหรับข้าวเปลือกในปีการผลิต 2561/62 ขึ้นอีกประมาณร้อยละ 11-13 เพื่อสร้างแรงจูงใจให้แก่เกษตรกรก่อนที่จะถึงช่วงฤดูเลือกตั้งทั่วไปในช่วงต้นปีหน้านั้น (2562) วงการค้าข้าวคาดว่า อาจส่งผลให้การส่งออกข้าวของอินเดียชะลอตัวลงตั้งแต่เดือนตุลาคมเป็นต้นไป เนื่องจากคาดว่าราคาข้าวในประเทศจะปรับตัวเพิ่มขึ้น เพราะในแต่ละปีรัฐบาลจะต้องจัดหาข้าวประมาณ 1 ใน 3 ของผลผลิตทั้งประเทศเพื่อใช้ในโครงการปันส่วนอาหารสำหรับประชาชน
ทั้งนี้ คาดว่าตั้งแต่เดือนตุลาคมเป็นต้นไป ผู้ส่งออกอาจจะต้องเสนอราคาขายข้าวประมาณตันละ 430 ดอลลาร์สหรัฐ จากปัจจุบันที่ข้าวนึ่ง 5% เสนอขายตันละ 388-392 ดอลลาร์สหรัฐฯ (FOB)
สำหรับราคารับซื้อขั้นต่ำ (the minimum support price; MSP) ที่รัฐบาลกำหนดจะใช้ในปีการผลิต 2561/62 ซึ่งจะเริ่มขึ้นตั้งแต่เดือนตุลาคม 2561 ไปจนถึงกันยายน 2562 นั้น ข้าวเปลือกเกรดธรรมดา (common grade rice)
จะปรับเป็น 1,750 รูปีต่อ 100 กิโลกรัม หรือประมาณ 254 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน และข้าวเปลือกเกรด A (Grade ‘A’ paddy) จะปรับเป็น 1,770 รูปีต่อ 100 กิโลกรัม หรือประมาณ 257 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน ซึ่งการเพิ่มราคารับซื้อข้าวเปลือกขั้นต่ำนี้คาดว่า จะทำให้รัฐบาลต้องมีงบประมาณในการการจัดหาเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 1.74 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
องค์การอาหารแห่งชาติ (FCI) รายงานว่า สต็อกข้าว ณ วันที่ 1 มิถุนายน 2561 มีจำนวนประมาณ 27.56 ล้านตัน (รวมข้าวสารคำนวณมาจากสต็อกข้าวเปลือกประมาณ 4.3 ล้านตัน) เพิ่มขึ้นร้อยละ 4 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกัน
ของปีที่ผ่านมา แต่ลดลงร้อยละ 6.7 เมื่อเทียบกับจำนวน 29.55 ล้านตัน ในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา
ทั้งนี้ สต็อกธัญพืช (ข้าวและข้าวสาลี) โดยรวมของอินเดีย ณ วันที่ 1 มิถุนายน 2561 มีจำนวนประมาณ 69.451 ล้านตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 18 เมื่อเทียบกับจำนวน 58.901 ล้านตัน ในช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา แต่ลดลงร้อยละ 5
เมื่อเทียบกับจำนวน 65.192 ล้านตัน ในเดือนที่ผ่านมา โดยสต็อกข้าวสาลีมีประมาณ 41.801 ล้านตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 30 เมื่อเทียบกับจำนวน 32.275 ล้านตัน ในช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา แต่ลดลงร้อยละ 4 เมื่อเทียบกับจำนวน 43.755
ล้านตัน ในเดือนที่ผ่านมา
ที่มา : สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย
ปากีสถาน
สำนักข่าวรอยเตอร์ (Reuters) รายงานว่า เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคมที่ผ่านมาค่าเงินรูปีของปากีสถานได้ปรับลดลง เมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐ โดยเงินรูปีปากีสถานลดลงประมาณร้อยละ 5 เป็นประมาณร้อยละ 127.75 - 128 รูปีต่อดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ธนาคารกลาง (the Central Bank) ระบุว่า อัตราแลกเปลี่ยนถูกขับเคลื่อนโดยแรงซื้อขายในตลาด และนักค้าเงินบางรายตั้งข้อสังเกตว่าธนาคารกลางได้ปรับลดค่าเงินรูปี
ธนาคารแห่งประเทศปากีสถาน (The State Bank of Pakistan; SBP) รายงานว่า นับตั้งแต่เดือนธันวาคม 2560 ปากีสถานได้ลดค่าเงินรูปีลงไปแล้วสามครั้ง โดยครั้งแรกในเดือนธันวาคม 2560 ลดค่าเงินรูปีประมาณร้อยละ 10
ครั้งที่สองเดือนมีนาคม 2561 ลดลงประมาณร้อยละ 10 และครั้งที่สามเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาปรับลดลงอีกร้อยละ 4 ซึ่งหาก SBP ปรับลดค่าเงินรูปีในครั้งนี้ตามกระแสข่าวจริงจะถือว่าเป็นการลดค่าเงินครั้งที่ 4 ในรอบ 7 เดือน
ทั้งนี้ เป็นที่เข้าใจกันว่าการลดค่าเงินเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามของ SBP ในการหลีกเลี่ยงวิกฤตการ ทางการชำระเงิน (payments crisis) ก่อนที่จะถึงการเลือกตั้งในวันที่ 25 กรกฎาคม โดยดุลบัญชีเดินสะพัด
(the current account balance) ของประเทศมีการขยายตัวอย่างรวดเร็วในขณะที่ทุนสำรองเงินตราต่างประเทศ
(the foreign exchange reserves) ลดลงในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
ที่มา : สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย
ราคาที่เกษตรกรขายได้ข้าวเปลือกเจ้าความชื้น 15% และราคาขายส่งตลาด กทม. ข้าวสารเจ้า 5%
ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์
สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาในประเทศ
ราคาข้าวโพดภายในประเทศในช่วงสัปดาห์นี้ มีดังนี้
ราคาข้าวโพดที่เกษตรกรขายได้ความชื้นไม่เกิน 14.5 % สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 7.17 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 8.26 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 13.20 และราคาข้าวโพดที่เกษตรกรขายได้ความชื้นเกิน 14.5 % สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 5.49 บาท
ลดลงจากกิโลกรัมละ 6.34 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 13.41
ราคาข้าวโพดขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ ที่โรงงานอาหารสัตว์รับซื้อสัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ9.19 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 9.63 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 4.57 และราคาขายส่งไซโลรับซื้อสัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 8.46 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 8.75 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 3.31
ราคาส่งออก เอฟ.โอ.บี. สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
ราคาซื้อขายล่วงหน้าในตลาดชิคาโกเดือนกันยายน 2561 ข้าวโพดเมล็ดเหลืองอเมริกันชั้น 2 สัปดาห์นี้เฉลี่ยบุชเชลละ 343.28 เซนต์ (4,524 บาท/ตัน) ลดลงจากบุชเชลละ 349.48 เซนต์ (4,592 บาท/ตัน) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.77 และลดลงในรูปของเงินบาทตันละ 68.00 บาท
มันสำปะหลัง
การผลิต
ผลผลิตมันสำปะหลัง ปี 2561 (เริ่มออกสู่ตลาดตั้งแต่เดือนตุลาคม 2560 – กันยายน 2561) คาดว่ามีพื้นที่เก็บเกี่ยว 7.87 ล้านไร่ ผลผลิต 27.24 ล้านตัน ผลผลลิตต่อไร่ 3.46 ตัน เมื่อเทียบกับปี 2560 ที่มีพื้นที่เก็บเกี่ยว 8.71 ล้านไร่ ผลผลิต 30.50 ล้านตัน และผลผลิตต่อไร่ 3.50 ตัน พบว่า พื้นที่เก็บเกี่ยว ผลผลิต และผลผลิตต่อไร่ ลดลงร้อยละ 9.64, 10.69 และ 1.14 ตามลำดับ โดยเดือนกรกฎาคม 2561 คาดว่าจะมีผลผลิตออกสู่ตลาด 1.15 ล้านตัน (ร้อยละ 4.21 ของผลผลิตทั้งหมด)
ทั้งนี้ผลผลิตมันสำปะหลังปี 2561 ออกสู่ตลาดแล้ว (เดือนตุลาคม 2560 – มิถุนายน 2561) ปริมาณ 24.91 ล้านตัน (ร้อยละ 91.46 ของผลผลิตทั้งหมด)
การตลาด
เป็นช่วงปลายฤดูการเก็บเกี่ยว หัวมันสำปะหลังออกสู่ตลาดน้อยไม่เพียงพอต่อความต้องการของโรงแป้งและลานมัน ปัจจุบันเชื้อแป้งเฉลี่ย 20-25% ทั้งนี้ลานมันส่วนใหญ่หยุดดำเนินการผลิตเพราะฝนตก ส่วนโรงงานแป้งมันสำปะหลังส่วนใหญ่หยุดเพื่อซ่อมแซมเครื่องจักร
ราคาที่เกษตรกรขายได้ทั้งประเทศประจำสัปดาห์ สรุปได้ดังนี้
ราคาหัวมันสำปะหลังสด สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 2.35 บาท ราคาลดลงจากกิโลกรัมละ 2.37 บาทในสัปดาห์ก่อนคิดเป็นร้อยละ 0.84
ราคามันเส้น สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 5.71 บาท ราคาลดลงจากกิโลกรัมละ 5.74 บาทในสัปดาห์ก่อนคิดเป็นร้อยละ 0.52
ราคาขายส่งในประเทศ
ราคาขายส่งมันเส้น (ส่งมอบ ณ คลังสินค้าเขต จ.ชลบุรี และ จ.อยุธยา) สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 7.18 บาท ราคาลดลงจากกิโลกรัมละ 7.20 บาท ในสัปดาห์ก่อนคิดเป็นร้อยละ 0.28
ราคาขายส่งแป้งมันสำปะหลังชั้นพิเศษ (ส่งมอบ ณ คลังสินค้าเขต กรุงเทพและปริมณฑล) สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 15.35 บาท ราคาลดลงจากกิโลกรัมละ 15.47 บาทในสัปดาห์ก่อนคิดเป็นร้อยละ 0.78
ราคาส่งออก เอฟ.โอ.บี
ราคาส่งออกมันเส้น สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 238 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือตันละ 7,863 บาท
ราคาทรงตัวในรูปเงินดอลลาร์สหรัฐฯ แต่สูงขึ้นในรูปเงินบาทตันละ 16 บาท
ราคาส่งออกแป้งมันสำปะหลัง สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 495 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือตันละ 16,354 บาท
ราคาทรงตัวในรูปเงินดอลลาร์สหรัฐฯ แต่สูงขึ้นในรูปเงินบาทตันละ 35 บาท
ปาล์มน้ำมัน
สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร คาดว่าปี 2561 ผลผลิตปาล์มน้ำมันเดือนกรกฎาคมจะมีประมาณ 1.121 ล้านตันคิด เป็นน้ำมันปาล์มดิบ 0.191 ล้านตัน ลดลงจากผลผลิตปาล์มทะลาย 1.281 ล้านตัน คิดเป็นน้ำมันปาล์มดิบ 0.218 ล้านตัน ของเดือนมิถุนายน 2561 คิดเป็นร้อยละ 12.49 และร้อยละ 12.39 ตามลำดับ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาผลปาล์มทะลาย สัปดาห์นี้เฉลี่ย กก.ละ 3.81 บาท สูงขึ้นจาก กก.ละ 3.67 บาท ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 3.81
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาน้ำมันปาล์มดิบ สัปดาห์นี้เฉลี่ย กก.ละ 21.60 บาท ลดลงจาก กก.ละ 21.85 บาท ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 1.14
2. ภาวะการผลิต การตลาด และราคาในตลาดต่างประเทศ
ราคาน้ำมันปาล์มดิบของมาเลเซียปรับตัวลดลง
ราคาน้ำมันปาล์มดิบซื้อขายล่วงหน้าตลาดมาเลเซียส่งมอบในเดือนตุลาคม 2561 ปรับเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 2,220 ริงกิตต่อตัน (547.20 ดอลลาร์สหรัฐฯ) ซึ่งราคาเพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบสัปดาห์ เนื่องจากผลผลิตปาล์มน้ำมันที่คาดการณ์ไว้เดือนกรกฎาคมลดลงร้อยละ 12.6 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของเดือนที่ผ่านมา และราคาได้ปรับตัวลดลงอยู่ที่ระดับ 2,193 ริงกิตต่อตัน ลดลงร้อยละ 0.8 ทั้งนี้ คาดว่าผลผลิตปาล์มน้ำมันตามฤดูกาลจะเพิ่มขึ้นในช่วงไตรมาสที่ 3 และคาดว่าราคาน้ำมันปาล์มดิบของมาเลเซียจะปรับตัวอยู่ที่ระดับ 2,218 - 2,249 ริงกิตต่อตัน สำหรับการส่งออกน้ำมันปาล์มดิบของมาเลเซียในช่วง 20 วันแรกของเดือนกรกฎาคมยังคงทรงตัว เนื่องจากน้ำมันปาล์มดิบยังได้รับผลกระทบจากตลาดพืชน้ำมันอื่นที่แข่งขันในตลาดโลก
ราคาในตลาดต่างประเทศ
ตลาดมาเลเซีย ราคาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันปาล์มดิบสัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 2,179.48 ดอลลาร์มาเลเซีย (18.18 บาท/กก.) สูงขึ้นจากตันละ 2,170.00 ดอลลาร์มาเลเซีย (18.11 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 0.44
ตลาดรอตเตอร์ดัม ราคาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันปาล์มดิบสัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 599.00 ดอลลาร์สหรัฐฯ (20.05 บาท/กก.) ลดลงจากตันละ 606.50 ดอลลาร์สหรัฐฯ (20.24 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 1.24
หมายเหตุ : ราคาในตลาดต่างประเทศเฉลี่ย 3 วัน
อ้อยและน้ำตาล
รายงานการผลิตน้ำตาลทรายของโรงงานน้ำตาลทั่วประเทศ
ศูนย์บริหารการผลิต สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทรายได้รายงานการเก็บเกี่ยวอ้อยและการผลิตน้ำตาลทรายของโรงงานน้ำตาลทั่วประเทศประจำปีการผลิต 2560/2561 (ฉบับปิดหีบ) มีอ้อยเก็บเกี่ยวเข้าโรงงานน้ำตาลจำนวน 134.93 ล้านตัน ผลิตเป็นน้ำตาลได้ 14.71 ล้านตัน แยกเป็นน้ำตาลทรายดิบ 10.59 ล้านตัน และน้ำตาลทรายขาว 4.12 ล้านตัน ค่าความหวานของอ้อยเฉลี่ย 12.48 ซี.ซี.เอส. ผลผลิตน้ำตาลทรายเฉลี่ยต่อตันอ้อย 109.03 กก.ต่อตันอ้อย
2. สรุปภาวการณ์ผลิตการตลาดและราคาในต่างประเทศ
ราคาน้ำตาลทรายดิบตลาดนิวยอร์กและน้ำตาลทรายขาวตลาดลอนดอน
ถั่วเหลือง
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาถั่วเหลืองชนิดคละ สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งถั่วเหลืองสกัดน้ำมัน สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 18.50 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาขายส่งกากถั่วเหลืองใน สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
2. ภาวะการผลิต การตลาด และราคาในตลาดต่างประเทศ
ราคาในตลาดต่างประเทศ (ตลาดชิคาโก)
ราคาซื้อขายล่วงหน้าเมล็ดถั่วเหลือง สัปดาห์นี้เฉลี่ยบุชเชลละ 834.20 เซนต์ (10.26 บาท/กก.) ลดลงจากบุชเชลละ 847.48 เซนต์ (10.39 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 1.57
ราคาซื้อขายล่วงหน้ากากถั่วเหลือง สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 328.80 ดอลลาร์สหรัฐฯ (11.00 บาท/กก.) ลดลงจากตันละ 334.48 ดอลลาร์สหรัฐฯ (11.16 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 1.70
ราคาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันถั่วเหลืองสัปดาห์นี้เฉลี่ยปอนด์ละ 27.81 เซนต์ (20.51 บาท/กก.) ลดลงจากปอนด์ละ 28.60 เซนต์ (21.04 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 2.76
ยางพารา
1. ราคายางพาราภายในประเทศ
1.1 ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
1) ยางแผ่นดิบคุณภาพที่ 1 ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 42.66 บาท เพิ่มขึ้นจาก 42.61 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา กิโลกรัมละ 0.05 บาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.12
2) ยางแผ่นดิบคุณภาพที่ 2 ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 42.16 บาท เพิ่มขึ้นจาก 42.11 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา กิโลกรัมละ 0.05 บาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.12
3) ยางแผ่นดิบคุณภาพที่ 3 ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 41.66 บาท เพิ่มขึ้นจาก 41.61 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา กิโลกรัมละ 0.05 บาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.12
4) ยางก้อนคละ ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 19.31 บาท ทรงตัวจากสัปดาห์ที่ผ่านมา
5) เศษยางคละ ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 16.84 บาท เพิ่มขึ้นจาก 16.38 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา กิโลกรัมละ 0.46 บาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.81
6) น้ำยางสดคละ ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 38.51 บาท เพิ่มขึ้นจาก 37.74 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา กิโลกรัมละ 0.77 บาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.04
1.2 ราคาส่งออก เอฟ.โอ.บี. ซื้อขายล่วงหน้าส่งมอบเดือนสิงหาคม
ณ ท่าเรือกรุงเทพ
1) ยางแผ่นรมควันชั้น 1 ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 51.55 บาท เพิ่มขึ้นจาก 51.13 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา กิโลกรัมละ 0.42 บาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.82
2) ยางแผ่นรมควันชั้น 3 ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 50.40 บาท เพิ่มขึ้นจาก 49.98 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา กิโลกรัมละ 0.42 บาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.84
3) ยางแท่ง (STR20) ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 44.83 บาท เพิ่มขึ้นจาก 44.32 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา กิโลกรัมละ 0.51 บาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.15
4) น้ำยางข้น ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 35.33 บาท เพิ่มขึ้นจาก 35.24 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา กิโลกรัมละ 0.09 บาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.26
ณ ท่าเรือสงขลา
1) ยางแผ่นรมควันชั้น 1 ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 51.30 บาท เพิ่มขึ้นจาก 50.88 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา กิโลกรัมละ 0.42 บาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.83
2) ยางแผ่นรมควันชั้น 3 ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 50.15 บาท เพิ่มขึ้นจาก 49.73 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา กิโลกรัมละ 0.42 บาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.84
3) ยางแท่ง (STR20) ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 44.58 บาท เพิ่มขึ้นจาก 44.07 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา กิโลกรัมละ 0.51 บาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.16
4) น้ำยางข้น ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 35.08 บาท เพิ่มขึ้นจาก 34.99 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา กิโลกรัมละ 0.09 บาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.26
2. ราคายางแผ่นรมควันชั้น 3 ในตลาดล่วงหน้าต่างประเทศ
2.1 ราคาซื้อขายล่วงหน้าตลาดสิงคโปร์ เฉลี่ยกิโลกรัมละ 146.80 เซนต์สหรัฐฯ (48.50 บาท) ลดลงจาก 146.94 เซนต์สหรัฐฯ (48.41 บาท) ของสัปดาห์ที่ผ่านมากิโลกรัมละ 0.14 เซนต์สหรัฐฯ หรือลดลงร้อยละ 0.10
2.2 ราคาซื้อขายล่วงหน้าตลาดโตเกียว เฉลี่ยกิโลกรัมละ 167.13 เยน (48.61 บาท) ลดลงจาก 168.08 เยน (49.47 บาท) ของสัปดาห์ที่ผ่านมากิโลกรัมละ 0.95 เยน หรือลดลงร้อยละ 0.57
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ถั่วเขียวผิวมันเมล็ดใหญ่คละ สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 25.92 บาท สูงขึ้นจากราคากิโลกรัมละ 19.96 บาท
ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 29.86
ถั่วเขียวผิวมันเมล็ดเล็กคละ และถั่วเขียวผิวดำคละ สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ถั่วเขียวผิวมันเกรดเอ สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 26.00 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ถั่วเขียวผิวมันเกรดบี สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 23.00 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ถั่วเขียวผิวดำ ชั้น 1 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 18.00 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ถั่วเขียวผิวดำ ชั้น 2 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 13.00 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ถั่วนิ้วนางแดง สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 26.00 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ราคาส่งออก เอฟ.โอ.บี
ถั่วเขียวผิวมันเกรดเอ สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 815.60 ดอลลาร์สหรัฐ (26.95 บาท/กิโลกรัม) ลดลงจากตันละ 818.00 ดอลลาร์สหรัฐ (26.95 บาท/กิโลกรัม) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.29 แต่ในรูปเงินบาททรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ถั่วเขียวผิวมันเกรดบี สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 724.20 ดอลลาร์สหรัฐ (23.93 บาท/กิโลกรัม) ลดลงจากตันละ 726.20 ดอลลาร์สหรัฐ (23.92 บาท/กิโลกรัม) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.28 แต่สูงขึ้นในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.01 บาท
ถั่วเขียวผิวดำ ชั้น 1 สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 572.20 ดอลลาร์สหรัฐ (18.90 บาท/กิโลกรัม) ลดลงจากตันละ 573.60 ดอลลาร์สหรัฐ (18.90 บาท/กิโลกรัม) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.24 แต่ในรูปเงินบาททรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ถั่วเขียวผิวดำ ชั้น 2 สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 419.80 ดอลลาร์สหรัฐ (13.87 บาท/กิโลกรัม) สูงขึ้นจากตันละ 421.00 ดอลลาร์สหรัฐ (13.87 บาท/กิโลกรัม) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.29 แต่ในรูปเงินบาททรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ถั่วนิ้วนางแดง สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 809.40 ดอลลาร์สหรัฐ (26.74 บาท/กิโลกรัม) ลดลงจากตันละ 811.50 ดอลลาร์สหรัฐ (26.73 บาท/กิโลกรัม) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.26 แต่สูงขึ้นในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.01 บาท
ถั่วลิสง
ความเคลื่อนไหวของราคาประจำสัปดาห์ มีดังนี้
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาถั่วลิสงทั้งเปลือกแห้ง สัปดาห์นี้
ราคาถั่วลิสงทั้งเปลือกสด สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 28.14 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 25.00 บาท ของสัปดาห์ก่อน ร้อยละ 12.56
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาถั่วลิสงกะเทาะเปลือกชนิดคัดพิเศษ สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 60.00 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ราคาถั่วลิสงกะเทาะเปลือกชนิดคัดธรรมดา สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 51.00 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ฝ้าย
ราคาที่เกษตรกรขายได้
ราคาฝ้ายรวมเมล็ดชนิดคละ สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
ราคาซื้อ-ขายล่วงหน้าตลาดนิวยอร์ก (New York Cotton Futures)
ราคาซื้อ-ขายล่วงหน้า เพื่อส่งมอบเดือนตุลาคม 2561 สัปดาห์นี้เฉลี่ยปอนด์ละ 88.90 เซนต์ (กิโลกรัมละ 65.60 บาท) สูงขึ้นจากปอนด์ละ 86.84 เซนต์ (กิโลกรัมละ 63.83 บาท) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 2.37และสูงขึ้นในรูปของเงินบาทกิโลกรัมละ 1.77 บาท
ราคาเส้นไหมพื้นเมืองเกรด 2 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 1,250 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 1,272 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 1.73
ราคาเส้นไหมพื้นเมืองเกรด 3 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 1,147 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 1,146 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 0.09
สุกร
สัปดาห์นี้ภาวะตลาดสุกร ราคาสุกรมีชีวิตที่เกษตรกรขายได้ทรงตัวจากสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากความต้องการบริโภคเนื้อสุกรใกล้เคียงและสอดคล้องกับปริมาณสุกรที่ออกสู่ตลาด แนวโน้มสัปดาห์หน้าคาดว่าราคาจะทรงตัว
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
สุกรมีชีวิตพันธุ์ผสมน้ำหนัก 100 กิโลกรัมขึ้นไป ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ กิโลกรัมละ 57.56 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 57.54 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 0.03 โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 56.29 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กิโลกรัมละ 54.06 บาท ภาคกลาง กิโลกรัมละ 59.18 บาท และภาคใต้ กิโลกรัมละ 57.62 บาท ส่วนราคาลูกสุกรตามประกาศของบริษัท ซี.พี. ในสัปดาห์นี้ ตัวละ 1,600 บาท (บวกลบ 58 บาท) ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งสุกรมีชีวิต ณ แหล่งผลิตภาคกลาง จากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยกิโลกรัมละ 59.50 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
ไก่เนื้อ
สัปดาห์นี้ราคาไก่เนื้อที่เกษตรกรขายได้ลดลงเล็กน้อยจากสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากในช่วงนี้เข้าสู่ฤดูฝนบางพื้นที่มีฝนตกชุก ทำให้การซื้อขายไม่คล่องตัว ส่งผลให้ภาวะตลาดไก่เนื้อค่อนข้างเงียบเหงา แนวโน้มคาดว่าสัปดาห์หน้าราคาจะทรงตัวหรือลดลงเล็กน้อย
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาไก่เนื้อที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ กิโลกรัมละ 33.96 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 34.51 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 1.59 โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 35.00 บาท ภาคกลาง กิโลกรัมละ 33.15 บาท ภาคใต้ กิโลกรัมละ 41.03 บาท และภาคตะวันออกเฉียงเหนือไม่มีรายงาน ส่วนราคาลูกไก่เนื้อตามประกาศของบริษัท ซี.พี ในสัปดาห์นี้ ตัวละ 8.50 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งไก่มีชีวิตหน้าโรงฆ่า จากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยกิโลกรัมละ 31.50 บาท และราคาขายส่งไก่สดทั้งตัวรวมเครื่องใน เฉลี่ยกิโลกรัมละ 42.50 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
ไข่ไก่
สถานการณ์การผลิต การค้า และราคาในประเทศ
สถานการณ์ตลาดไข่ไก่สัปดาห์นี้ ราคาไข่ไก่ที่เกษตรกรขายได้ทรงตัวจากสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากปริมาณผลผลิตไข่ไก่ออกสู่ตลาดสอดรับกับความต้องการบริโภคไข่ไก่ แนวโน้มคาดว่าสัปดาห์หน้าราคาจะ ทรงตัว
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาไข่ไก่ที่เกษตรกรขายได้ เฉลี่ยทั้งประเทศร้อยฟองละ 279 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ ร้อยฟองละ 288 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร้อยฟองละ 279 บาท ภาคกลางร้อยฟองละ 276 บาท และภาคใต้ไม่มีรายงาน
ส่วนราคาลูกไก่ไข่ตามประกาศของบริษัท ซี.พี. ในสัปดาห์นี้ ตัวละ 18.00 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งไข่ไก่ (เฉลี่ยเบอร์ 0-4) ในตลาดกรุงเทพฯจากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยร้อยฟองละ 311 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
ไข่เป็ด
ราคาไข่เป็ดที่เกษตรกรขายได้ เฉลี่ยทั้งประเทศร้อยฟองละ 331 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ ร้อยฟองละ 357 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร้อยฟองละ 339 บาท ภาคกลาง ร้อยฟองละ 302 บาท และภาคใต้ ร้อยฟองละ 349 บาท
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งไข่เป็ดคละ ณ แหล่งผลิตภาคกลาง จากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยร้อยฟองละ 340 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
โคเนื้อ
ราคาโคพันธุ์ลูกผสม (ขนาดกลาง) ที่เกษตรกรขายได้ เฉลี่ยทั้งประเทศกิโลกรัมละ 89.91 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 90.09 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 0.20 โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 91.15 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กิโลกรัมละ 83.12 บาท ภาคกลาง กิโลกรัมละ 93.54 บาท และภาคใต้กิโลกรัมละ 100.29 บาท
กระบือ
ราคากระบือ (ขนาดกลาง) ที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศกิโลกรัมละ 69.52 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 70.01 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 0.70 โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 91.23 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กิโลกรัมละ 65.33 ภาคกลางและภาคใต้ไม่มีรายงานราคา
เปลี่ยนถ่ายกระชังลูกใหม่หรือเพิ่มออกซิเจนในน้ำนช่วงดังกล่าวเป็นช่วงที่น้ำตาย โดยเฉพาะในช่วงกลางคืนบวกกับออกซิเจนในน้ำค่อนในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา (ระหว่างวันที่ 13 – 19 กรกฎาคม 2561) ไม่มีรายงานปริมาณจากองค์การสะพานปลากรุงเทพฯ
การตลาด
ความเคลื่อนไหวของราคาสัตว์น้ำที่สำคัญประจำสัปดาห์นี้มีดังนี้ คือ
2.1 ปลาดุกบิ๊กอุย ราคาที่ชาวประมงขายได้ ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 39.71 บาท ราคาเพิ่มขึ้นจากกิโลกรัมละ 39.08 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 0.63 บาท
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 80.00 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
2.2 ปลาช่อน ราคาที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 89.16 บาท ราคาเพิ่มขึ้นจากกิโลกรัมละ 84.66 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 4.50 บาท
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 120.00 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
2.3 กุ้งกุลาดำ ราคาที่ชาวประมงขายได้ขนาดกลาง (60 ตัว/กก.) สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
สำหรับราคา ณ ตลาดกลางกุ้งสมุทรสาครขนาดกลาง (60 ตัว/กก.) สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
2.4 กุ้งขาวแวนนาไม ราคาที่ชาวประมงขายได้ขนาดกลาง (70 ตัว/กก.) เฉลี่ยกิโลกรัมละ 163.64 บาท ราคาเพิ่มขึ้นจากกิโลกรัมละ 156.19 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 7.45 บาท
สำหรับราคา ณ ตลาดกลางกุ้งสมุทรสาครขนาดกลาง (70 ตัว/กก.) ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 162.50 บาท ราคาลดลงจากกิโลกรัมละ 163.33 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 0.83 บาท
2.5 ปลาทู ปลาทูสดขนาดกลาง ราคาที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 74.90 บาท ราคาลดลงจากกิโลกรัมละ 84.06 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 9.16 บาท
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 85.00 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
2.6 ปลาหมึก ราคาปลาหมึกกระดองสดที่ชาวประมงขายได้ ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 170.00 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 200.00 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
2.7 ปลาเป็ดและปลาป่น ราคาปลาเป็ดที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 8.40 บาท ราคาลดลงจากกิโลกรัมละ 8.43 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 0.03 บาท
สำหรับราคาขายส่งปลาป่นชนิดโปรตีนต่ำกว่า 60% (ระหว่างวันที่ 13 – 19 ก.ค. 2561) ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 32.00 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา